5 เรื่องที่คุณควรรู้ เมื่อน้องหมาเริ่ม “ขาอ่อนแรง” เพราะโรคเสื่อมไขสันหลัง (Degenerative Myelopathy)

น้องหมาของคุณเคยเดินแข็งแรง วิ่งเล่นได้เหมือนเด็กๆ
แต่พักหลังกลับเริ่ม “ลากขาหลัง” เดินไม่มั่น หรือแม้แต่ล้มเวลาเปลี่ยนท่าทาง

อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ความชรา แต่เป็นสัญญาณของโรคที่เรียกว่า “เสื่อมไขสันหลัง” หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Degenerative Myelopathy (DM) ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นกับสุนัขสูงวัย และค่อยๆ ลุกลามจนกระทบชีวิตประจำวัน

วันนี้ผมอยากชวนเจ้าของหมาทุกคนมาเข้าใจโรคนี้ให้มากขึ้น ด้วย 5 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ Degenerative Myelopathy
เพื่อให้คุณได้ดูแลเขาอย่างดีที่สุดในทุกช่วงของโรค โดยที่หัวใจคุณและเขายังผูกพันกันแน่นเหมือนเดิมครับ

1. โรคเสื่อมไขสันหลังคืออะไร? ทำไมหมาถึงเดินไม่ได้?

Degenerative Myelopathy (DM) เป็นโรคทางระบบประสาทที่เกิดจากการเสื่อมของไขสันหลังส่วนกลาง
ทำให้สัญญาณจากสมองส่งไปยังขาหลังได้น้อยลง ส่งผลให้หมาควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้

กลุ่มเสี่ยง:

• พันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด, คอร์กี้, ลาบราดอร์, บ็อกเซอร์

• อายุ 8 ปีขึ้นไป

• มีประวัติโรคประสาทหรือเดินผิดปกติมาก่อน

Fact: งานวิจัยจาก Cornell University พบว่า พันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดที่มีอายุเกิน 8 ปี มีโอกาสเป็น DM มากกว่า 18%

2. อาการของโรคนี้พัฒนาเป็น “ระยะๆ” และต้องจับสังเกตตั้งแต่แรกเริ่ม

โรคนี้จะเริ่มจากอาการเล็กน้อย และค่อยๆ แย่ลงในช่วง 6–12 เดือน
แต่เจ้าของที่ใกล้ชิดจะสามารถสังเกตได้ถ้ารู้จักสัญญาณในแต่ละระยะ

แบ่งได้ 4 ระยะ:

• ระยะแรก: เดินลากขาหลัง เล็บสึกผิดปกติ เดินกะเผลกเล็กน้อย

• ระยะกลาง: ขาหลังไม่มีแรง เดินโซเซ ล้มบ่อย ต้องพยุง

• ระยะรุนแรง: เดินไม่ได้ ขาหลังหมดแรง ขับถ่ายลำบาก

• ระยะปลาย: ลามถึงขาหน้า หายใจลำบาก อ่อนแรงทั้งตัว

Tip: หากคุณเห็นน้องหมาเดินลากขาจนเล็บหน้าสึกผิดปกติ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ DM

3. โรคนี้ “ไม่เจ็บ” แต่น้องหมาจะลำบากขึ้นเรื่อยๆ

แม้โรคนี้จะไม่ได้ทำให้เจ็บโดยตรงเหมือนข้อเสื่อมหรือมะเร็ง
แต่น้องหมาจะรู้สึก “อึดอัด” เพราะเคลื่อนไหวไม่ได้ตามปกติ และเริ่มสูญเสียการควบคุมร่างกาย

สิ่งที่น้องหมาเผชิญ:

• ล้มง่ายจนเสียความมั่นใจ

• เครียดจากการขับถ่ายไม่เป็นที่

• เหนื่อยง่าย เพราะต้องพยายามใช้แรงเพิ่ม

• เริ่มไม่อยากออกกำลังกายหรือเล่นเหมือนเดิม

Fact: หมาส่วนใหญ่ที่เป็น DM ยังมีสติครบถ้วน และรับรู้ทุกอย่างแม้ร่างกายจะเริ่มเคลื่อนไหวไม่ได้

4. แม้รักษาไม่หาย แต่ดูแลได้ด้วย “การบำบัดและกายภาพ”

ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่ทำให้โรค DM หายขาด
แต่เราสามารถช่วยชะลออาการ และทำให้น้องหมาคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ผ่านวิธีต่างๆ

แนวทางการดูแล:

• ทำกายภาพ เช่น ว่ายน้ำ ฝึกเดินบนลู่วิ่งน้ำ (Underwater treadmill)

• ใช้รถเข็นช่วยเดินในระยะที่เริ่มล้มบ่อย

• เสริมอาหารบำรุงประสาท เช่น วิตามิน B-complex, Omega-3

• ดูแลบริเวณข้อเพื่อป้องกันแผลกดทับ และช่วยเรื่องการขับถ่าย

Fact: จากข้อมูลของ Canine Health Foundation การทำกายภาพร่วมกับการควบคุมน้ำหนักสามารถชะลออาการของ DM ได้มากถึง 30–40%

5. ความรักจากเจ้าของคือยารักษาที่ดีที่สุด

ในช่วงที่น้องหมาเริ่มอ่อนแรง เขาอาจเครียด หงุดหงิด หรือซึมเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ไม่ใช่แค่การรักษา แต่คือ “ความรักและกำลังใจจากคุณ”

วิธีอยู่เคียงข้างเขา:

• ไม่ดุหรือตำหนิเมื่อน้องหมาขับถ่ายไม่เป็นที่

• ให้เวลาคุณภาพกับเขาทุกวัน เช่น พูดคุย ลูบเบาๆ

• ปรับสภาพบ้านให้เขาใช้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น พื้นกันลื่น

• ถ้าใช้รถเข็น ค่อยๆ ฝึกให้คุ้นด้วยกิจกรรมที่เขาชอบ

Tip: หมาที่ได้รับการดูแลจากเจ้าของอย่างใกล้ชิด มักมีอายุยืนกว่าที่คาดไว้ และยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แม้โรคจะลุกลาม

โรคเสื่อมไขสันหลังในสุนัข (DM) อาจเป็นข่าวร้ายที่เจ้าของไม่อยากได้ยิน
แต่มันก็เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้แสดง “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข” กับน้องหมาในช่วงเวลาที่เขาต้องการเรามากที่สุด

แค่คุณเข้าใจ เขาไม่ได้เจ็บ...แต่อาจรู้สึกเปลี่ยนไป
และสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ คืออยู่กับเขาในทุกก้าว แม้จะเป็นก้าวที่ต้องพยุงก็ตามครับ #โรคเสื่อมไขสันหลัง #DMในสุนัข #ดูแลหมาเดินไม่ได้ #รักหมาจนวันสุดท้าย #LazadogCareTips

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมาให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com