5 เหตุผล! โรคตับและถุงน้ำดีในแมว…ไม่ใช่เรื่องไกลตัว (และอาจกำลังค่อยๆ คร่าชีวิตแมวคุณแบบเงียบๆ)
เวลาเราพูดถึง “แมวป่วย” หลายคนอาจนึกถึงหวัดแมว ไข้หวัดแมว หรือโรคในระบบทางเดินอาหาร
แต่รู้ไหมครับว่า โรคตับและถุงน้ำดี คือภัยเงียบที่อันตรายมาก และมักถูกวินิจฉัยช้าเพราะอาการไม่ชัดเจน
แมวที่มีปัญหาตับมักไม่แสดงอาการชัดในช่วงแรก แต่ถ้าปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ภาวะ “ตับวาย” หรือ “ภาวะดีซ่าน” ได้
มาดู 5 เหตุผลที่คุณควรเริ่มสังเกต และเข้าใจโรคตับ-ถุงน้ำดีในแมวอย่างจริงจัง เพื่อดูแลเจ้านายตัวน้อยให้มีชีวิตยืนยาวขึ้นแบบมือโปร
โรคตับในแมวสามารถเกิดได้ตั้งแต่วัยกลางคน โดยเฉพาะแมวที่มีน้ำหนักเกิน กินอาหารไม่สมดุล หรือเคยมีโรคในระบบทางเดินอาหาร
“มากกว่า 12% ของแมวที่มาตรวจสุขภาพประจำปี พบค่าตับผิดปกติ แม้ไม่มีอาการป่วยชัดเจน”
– Feline Internal Medicine Journal, 2022
ข้อควรรู้:
โรคตับไม่ได้เกิดจากอายุเสมอไป แต่เกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน ความเครียด และโรคแทรกซ้อน
ตรวจเลือดปีละครั้งช่วยค้นหาโรคตับระยะแรกได้
ถุงน้ำดีทำหน้าที่เก็บน้ำดีที่ใช้ย่อยไขมัน และหากมีการอักเสบ หรือเกิดนิ่ว อาจส่งผลต่อระบบตับและลำไส้โดยตรง
โดยเฉพาะในแมวอ้วน หรือแมวที่กินอาหารไขมันสูง
“แมวที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี หรือ cholangitis มีโอกาสเกิดตับอักเสบร่วมด้วยในกว่า 70% ของเคส”
– Veterinary Digestive System Review, 2023
สัญญาณเตือนถุงน้ำดีมีปัญหา:
อาเจียนเรื้อรัง
ท้องอืด เบื่ออาหาร
ขนแห้ง หยาบ
อุจจาระซีด หรือเปลี่ยนสี
แมวไม่สามารถอดอาหารได้นานเหมือนสัตว์ชนิดอื่น
หากหยุดกิน 2–3 วัน โดยเฉพาะในแมวอ้วน ร่างกายจะนำไขมันไปใช้พลังงานมากเกินจนเกิด โรคไขมันพอกตับ (Hepatic Lipidosis) ซึ่งอันตรายถึงชีวิต
“อัตราการเสียชีวิตจากไขมันพอกตับในแมวสูงถึง 40% หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที”
– American Association of Feline Practitioners, 2021
เคล็ดลับ:
อย่าปล่อยให้แมวหยุดกินอาหารเกิน 24–48 ชั่วโมง
หากแมวเบื่ออาหาร ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
เมื่อตับทำงานผิดปกติ จะส่งผลให้ร่างกายสะสมสารพิษ ทำให้ระบบอื่นๆ เสื่อมตาม เช่น
ไตวายเรื้อรัง
ลำไส้อักเสบ
ภูมิคุ้มกันลดลง
ภาวะดีซ่าน ตาเหลือง เหงือกซีด
“แมวที่มีโรคตับเรื้อรังมีโอกาสเกิดโรคไตตามมาใน 30% ภายใน 12 เดือน”
– Feline Systemic Disease Consortium, 2022
คำแนะนำ:
ตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ตับ/ถุงน้ำดีหากมีอาการผิดปกติ
อาหารสูตรตับ (Liver Support) ช่วยลดภาระการทำงานของตับได้
ข่าวดีคือโรคเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงจุดจบเสมอไป
การวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก + อาหารที่เหมาะสม + การรักษาเฉพาะทาง สามารถทำให้แมวกลับมามีคุณภาพชีวิตดีได้
“แมวที่ได้รับการรักษาโรคตับในระยะเริ่มต้น มีอายุยืนยาวขึ้นเฉลี่ย 2.4 ปี เทียบกับแมวที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย”
– Feline Hepatology Progress Report, 2023
แนวทางดูแลระยะยาว:
เปลี่ยนอาหารเป็นสูตรบำรุงตับ
ตรวจเลือดและทำอัลตราซาวนด์ติดตาม
เสริมวิตามินกลุ่ม B, E และ Taurine ตามคำแนะนำสัตวแพทย์
ตับและถุงน้ำดีอาจไม่ใช่อวัยวะที่คนพูดถึงบ่อยนัก แต่ในโลกของแมว พวกมันคือ “จุดสำคัญที่ควบคุมสุขภาพทั้งระบบ”
อย่ารอให้แมวแสดงอาการหนักถึงค่อยรู้ตัว เพราะโรคตับคือหนึ่งใน “โรคเงียบที่น่ากลัวที่สุด” ของแมว
แค่คุณใส่ใจเรื่องการกิน การตรวจสุขภาพ และสังเกตอาการแมวอย่างละเอียด ก็ช่วยยืดชีวิตและคุณภาพชีวิตของแมวได้มหาศาล
❝ตับดี แมวดี…อย่าปล่อยให้โรคเงียบครอบงำแมวแบบไม่รู้ตัว❞
#โรคตับในแมว #ถุงน้ำดีแมว #แมวไม่ยอมกิน #ไขมันพอกตับแมว #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com