5 เหตุผล! ทำไมแมวสูงวัยต้องการการดูแลเฉพาะตัว (ไม่ใช่แค่เรื่องอายุ)

แมวที่เคยนอนกลิ้งอยู่ริมหน้าต่าง ตอนนี้เริ่มนอนเยอะขึ้นกว่าเดิม เดินช้าลง หรือกระโดดไม่พ้นชั้นวางของเหมือนแต่ก่อน
ถ้าคุณเริ่มสังเกตพฤติกรรมแบบนี้ได้ แสดงว่า... น้องแมวของคุณอาจเข้าสู่วัย “ซีเนียร์” แล้วครับ

โดยทั่วไปแล้ว แมวอายุ 11 ปีขึ้นไปจะถูกจัดว่าเป็น “แมวสูงวัย” และจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและพฤติกรรมอย่างชัดเจน
– ข้อมูลจาก International Cat Care (iCatCare)

วันนี้ผมจะพาคุณมารู้จักกับ 5 เหตุผลที่แมวสูงวัยต้องได้รับการดูแลเฉพาะตัว พร้อมเคล็ดลับและเทคนิคที่เจ้าของแมวควรรู้
เพราะการดูแลที่ถูกต้องในช่วงนี้ จะช่วยให้น้องแมวอยู่กับเราไปอีกนาน... และมีความสุขด้วยครับ

1. ระบบร่างกายเริ่ม “ช้าลง” แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ

แมวสูงวัยมักจะเริ่มมีอวัยวะภายในเสื่อมลงทีละน้อย เช่น ไต หัวใจ หลอดเลือด และระบบย่อยอาหาร
แต่อาการอาจยังไม่แสดงออกในระยะแรก

“กว่า 60% ของแมวอายุเกิน 10 ปี มีภาวะไตเสื่อมในระดับใดระดับหนึ่ง”
– Feline Chronic Kidney Disease Study, Royal Veterinary College

ข้อควรรู้:
ควรตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจการทำงานของไต/ตับ/หัวใจ ปีละ 1–2 ครั้ง
เพราะหากเจอตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถชะลอโรคและวางแผนการดูแลได้ดีกว่า

2. แมวสูงวัยมักมีอาการ “ปวดข้อ” โดยที่ไม่ร้องให้รู้

แมวจะไม่แสดงอาการเจ็บปวดแบบเห็นได้ชัด
แต่จะเริ่มหลีกเลี่ยงการกระโดด ไม่ยอมนอนบนที่สูง หรือเดินขึ้นบันไดน้อยลง

“กว่า 90% ของแมวอายุ 12 ปีขึ้นไป มีสัญญาณของโรคข้อเสื่อม (arthritis)”
– งานวิจัยจาก American Association of Feline Practitioners (AAFP)

เคล็ดลับ:

• ปรับบ้านให้แมวไม่ต้องกระโดดสูง

• ใช้บันไดหรือชั้นเสริมช่วยปีน

• พูดคุยกับสัตวแพทย์เรื่องอาหารเสริมกลูโคซามีนหรือยาบรรเทาปวดที่ปลอดภัยสำหรับแมว

3. พฤติกรรมเปลี่ยน = สัญญาณว่าร่างกายเปลี่ยน

แมวซีเนียร์อาจเริ่ม “งงๆ” เช่น เดินหลง เรียกตอนกลางคืน หรือเข้ากระบะผิดที่
อาจมีการเปลี่ยนพฤติกรรมจากแมวที่เคยขี้เล่น กลายเป็นแมวเงียบ ซึม ไม่สนใจของเล่น

“1 ใน 3 ของแมวอายุเกิน 11 ปี มีภาวะคล้ายโรคสมองเสื่อมในคน (Feline Cognitive Dysfunction)”
– ข้อมูลจาก Feline Cognitive Aging Study

ข้อควรรู้:
ควรเพิ่มกิจกรรมเบาๆ เช่น เกมง่ายๆ หรือของเล่นซ่อนขนม เพื่อกระตุ้นสมอง
และหมั่นสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง

4. การกิน-ดื่ม-ขับถ่าย ควรถูก “รีเช็ค” เป็นพิเศษ

แมวสูงวัยอาจเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ทำให้ไม่อยากกินอาหารเม็ด
หรือดื่มน้ำน้อยจนนำไปสู่ปัญหาไตและทางเดินปัสสาวะ

เทคนิค:

• เปลี่ยนอาหารเป็นแบบเปียก หรือนิ่มเคี้ยวง่าย

• วางชามน้ำหลายจุดในบ้าน และใช้ชามน้ำไหลแบบน้ำพุเพื่อกระตุ้นการดื่ม

• หมั่นสังเกตลักษณะอึและฉี่ — ถ้าเปลี่ยนไปควรรีบพาไปหาหมอ

5. ความรักแบบเดิมอาจไม่พอ — ต้องใส่ใจแบบเฉพาะตัว

แมวซีเนียร์อาจต้องการเวลานอนมากขึ้น ไม่เล่นเท่าเดิม
และต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากกว่าแมววัยรุ่น

“การวางเตียงในมุมเงียบสงบ ห่างจากเสียงรบกวน จะช่วยลดความเครียดให้แมวสูงวัยได้มาก”
– iCatCare Guidelines, 2023

เคล็ดลับ:

• จัดมุมพักผ่อนให้แมวแบบ Soft Landing

• หลีกเลี่ยงการย้ายของบ่อย

• ใช้ไฟสลัวในช่วงกลางคืน เพื่อให้แมวมองเห็นและเดินปลอดภัยมากขึ้น

  
  

แมวสูงวัยคือของขวัญล้ำค่าที่ผ่านเรื่องราวกับเรามานับไม่ถ้วน
และช่วงชีวิตบั้นปลายของเขาก็ควรได้รับการดูแลด้วยความรักแบบละเมียดละไม

แค่คุณเข้าใจว่าการเปลี่ยนไปของเขาไม่ใช่ “ความแก่”
แต่คือ “ภาวะที่ต้องการความใส่ใจเฉพาะทาง”
ก็เพียงพอจะทำให้ชีวิตของแมวคุณมีความสุขจนถึงวินาทีสุดท้ายครับ

#แมวสูงวัยยังสุขได้ #ดูแลแมวซีเนียร์ด้วยใจ #เข้าใจแมวแก่ไม่ใช่แค่แก่ #สุขภาพแมวสูงวัยต้องรู้ #Lazadogใส่ใจแมวทุกวัย

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com