5 เหตุผล! ทำไมแมวสฟิงซ์ (Sphynx) ไร้ขนตัวนี้ถึงยึดหัวใจทาสทั่วโลกได้แบบไม่มีเงื่อนไข
ถ้าคุณกำลังเลื่อนดูภาพแมวในโซเชียล แล้วสะดุดกับแมวไร้ขนตาโต หูยาว หน้าคมเหมือนเทพเจ้าอียิปต์
แล้วคิดในใจว่า “แมวพันธุ์อะไรเนี่ย น่ากลัวแต่น่ารักในเวลาเดียวกัน”
ขอต้อนรับคุณสู่โลกของแมวพันธุ์ สฟิงซ์ (Sphynx) ครับ
แมวที่เกิดจากการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติ จนกลายเป็นแมวไร้ขนที่ไม่เหมือนใคร
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ… มันกลายเป็นแมวที่คนทั้งโลกหลงรักสุดๆ แบบไม่น่าเชื่อ!
วันนี้ผมจะพาคุณไปดู 5 เหตุผลเด็ดที่ทำให้แมวพันธุ์นี้โดดเด่นทั้งบุคลิก เสน่ห์ และความผูกพันกับมนุษย์ จนกลายเป็นแมวในฝันของหลายคนครับ
แม้จะไม่มีขนให้ฟัดเหมือนแมวทั่วไป
แต่แมวสฟิงซ์ขึ้นชื่อเรื่องความขี้อ้อน รักเจ้าของแบบสุดๆ
บางตัวถึงขั้น “ติดเจ้าของยิ่งกว่าเงา” ไม่ว่าไปไหน ต้องตามไปนั่งด้วยตลอดเวลา
“Sphynx cats are known for being the most affectionate breed.”
– ข้อมูลจาก Cat Fanciers’ Association (CFA)
ข้อควรรู้:
ถ้าคุณอยากได้แมวที่รักคุณแบบไม่เล่นตัว ไม่ทำหน้านิ่งเวลาเรียก
สฟิงซ์อาจเป็นแมวที่คุณตามหามาทั้งชีวิตครับ
สิ่งที่หลายคนชอบเกี่ยวกับแมวสฟิงซ์ก็คือ “ไม่มีขนร่วงให้เกาะเสื้อผ้า โซฟา หรือจมูก”
แต่ข้อแลกเปลี่ยนคือ... ต้องอาบน้ำให้สม่ำเสมอ
เพราะผิวของแมวสฟิงซ์จะมีความมันจากต่อมไขมัน โดยไม่มีขนมาดูดซับเหมือนแมวทั่วไป
ถ้าไม่อาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง อาจเกิดปัญหาผิวหนังหรือกลิ่นตัวได้
เคล็ดลับ:
ใช้น้ำอุ่นอาบเบาๆ พร้อมแชมพูสูตรอ่อนโยน
และเช็ดตัวให้แห้งทันทีเพื่อลดความเสี่ยงจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
เพราะไม่มีขน แมวพันธุ์นี้ ไวต่ออุณหภูมิ มาก
อากาศเย็นนิดเดียว สฟิงซ์ก็จะตัวสั่นแล้วครับ
“Sphynx cats are indoor-only and require warm environments.”
– ข้อมูลจาก ASPCA
ควรให้น้องอยู่ในบ้านตลอดเวลา
เตรียมผ้าห่ม เสื้อแมว หรือเสื้อผ้าบางเบาให้ใส่
หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด เพราะผิวไวต่อแสงมากกว่าปกติ
แมวสฟิงซ์มีบุคลิกเป็นมิตรกับทั้งคนแปลกหน้า เด็ก และสัตว์ชนิดอื่น
เหมาะสำหรับบ้านที่มีหมา หรือแมวหลายตัว
และชอบเล่น ชอบเคลื่อนไหว ไม่ใช่สายหมอบนิ่งอย่างเดียว
“They are often described as the extroverts of the feline world.”
– Cat Personality Database, 2023
ข้อควรรู้:
แมวพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับการเลี้ยงแบบ “ปล่อยให้อยู่ลำพังทั้งวัน”
ควรมีเวลาเล่นกับเขาทุกวัน หรือติดของเล่นเสริมพัฒนาการไว้ด้วย
แม้จะไม่มีขน แต่น่าเสียดายที่ แมวสฟิงซ์ไม่ได้ hypoallergenic (ไม่ก่อภูมิแพ้)
เพราะสารก่อภูมิแพ้ในแมวส่วนใหญ่อยู่ในน้ำลายและผิวหนัง ไม่ใช่แค่ขน
“Fel d 1 protein — the primary cat allergen — is still present on the skin and in saliva.”
– ข้อมูลจาก American College of Allergy, Asthma & Immunology
คำแนะนำ:
ถ้าคุณเป็นคนที่แพ้แมว ควรลองสัมผัสกับสฟิงซ์ก่อนตัดสินใจเลี้ยง
อาจทดลองอยู่ใกล้แมวพันธุ์นี้ประมาณ 2–3 ชั่วโมง เพื่อดูอาการก่อน
แมวสฟิงซ์อาจจะดู “นอกกรอบ” จากแมวทั่วไปทั้งหน้าตาและนิสัย
แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนรักแมวทั่วโลกหลงใหลอย่างไม่ลังเล
แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องการดูแลพิเศษ เช่น อาบน้ำบ่อย ใส่เสื้อ ปรับอุณหภูมิบ้าน
แต่ถ้าคุณรักแมวขี้อ้อน ฉลาด มีบุคลิกแปลกใหม่ และพร้อมดูแลแบบใกล้ชิด
แมวสฟิงซ์อาจกลายเป็นคู่ชีวิตสี่ขาที่คุณไม่เคยรู้ว่าขาดมาก่อนครับ
#แมวสฟิงซ์ไม่ใช่แค่ไม่มีขน #SphynxCatสายอ้อน #ดูแลแมวแบบไร้ขน #แมวหรูคู่บ้าน #Lazadogเข้าใจแมวทุกพันธุ์
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com