5 เหตุผล! ทำไมแมวตาแฉะ น้ำตาไหล ต้องรีบหาสาเหตุ (ไม่ใช่แค่ร้องไห้เพราะคิดถึงคุณ)

เคยไหมครับ? ตื่นมาแล้วเห็นแมวมีขี้ตาเยอะ น้ำตาไหล หรือดูตาซึมๆ เหมือนเพิ่งดูละครไทยตอนจบเศร้า
หลายคนอาจคิดว่า “เอ็นดูจัง ลูกฉันคงอินกับละคร”...
แต่จริงๆ แล้ว อาการตาแฉะ น้ำตาไหลในแมวอาจเป็นสัญญาณบางอย่างที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

วันนี้เราจะพาคุณไปเข้าใจให้ลึกว่า
น้ำตาแมวไม่ได้มีไว้บิ้วอารมณ์ แต่เป็นสัญญาณสุขภาพที่คุณต้องรู้ให้ทัน
กับ 5 เหตุผลที่ควรรู้เกี่ยวกับ "อาการตาแฉะ" ของน้องเหมียว

1. น้ำตาแมวอาจไม่ใสเสมอไป (และบางทีอาจไม่ใช่น้ำตา!)

ตาแฉะหรือน้ำตาไหลในแมวมีหลายรูปแบบ ทั้งใส เหลือง เขียว หรือข้น
แต่ละแบบอาจบ่งบอกถึง “ระดับความรุนแรง” ที่ต่างกัน

“แมวที่มีอาการตาแฉะเรื้อรัง มักมีสาเหตุซ่อนอยู่ เช่น การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ”
– American Veterinary Medical Association (AVMA)

ข้อควรรู้:
แมวพันธุ์หน้าสั้น เช่น เปอร์เซีย และเอ็กโซติก ชอร์ตแฮร์ มีแนวโน้ม “ตาแฉะถาวร” เพราะท่อน้ำตาสั้นและอุดตันง่าย

2. โรคติดเชื้อคือสาเหตุอันดับหนึ่งของตาแฉะในแมว

โดยเฉพาะในแมวที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ หรือแมวจร
การติดเชื้อไวรัส เช่น Feline Herpesvirus (FHV-1) และ Calicivirus มักเริ่มจากอาการตาแฉะเล็กๆ แล้วลุกลามเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ

“กว่า 80% ของแมวที่มีอาการตาแฉะเรื้อรัง มีการติดเชื้อ FHV-1 ร่วมด้วย”
– Feline Infectious Disease Report, 2022

เคล็ดลับ:

• พาแมวตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนครบตามกำหนด

• แยกแมวใหม่หรือแมวป่วยจากตัวอื่นในบ้านทันที

• รักษาความสะอาดของที่นอน ชามอาหาร และมือของเจ้าของ

3. ภูมิแพ้ ฝุ่น และสารระคายเคือง ก็ทำให้น้ำตาไหลได้เหมือนกัน

แมวก็แพ้ฝุ่น เกสรดอกไม้ น้ำหอม หรือแม้กระทั่ง “ผงซักฟอกกลิ่นแรง” ได้เหมือนคน
โดยเฉพาะแมวบ้านที่ไม่เคยออกไปข้างนอก จะไวต่อสภาพแวดล้อมเล็กน้อยมาก

สัญญาณที่เข้าข่ายภูมิแพ้:

• น้ำตาใสๆ

• คันตา ขยี้ตา หรือลูบหน้าบ่อย

• ไม่มีขี้ตาเป็นสีผิดปกติ

“แมวในบ้านที่ใช้กลิ่นปรับอากาศสังเคราะห์ มีแนวโน้มเกิดอาการตาแฉะมากขึ้น 2 เท่า”
– Environmental Allergens & Pets Study, 2021

เคล็ดลับ:
เปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่มีน้ำหอม
เช็ดฝุ่นในบ้านบ่อย และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท

4. อาการตาแฉะอาจเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง (ของปัญหาที่ซ่อนอยู่)

ตาแฉะเรื้อรังอาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของโรคที่ใหญ่กว่า เช่น

• แผลกระจกตา

• โรคต้อหิน

• ภาวะท่อน้ำตาอุดตัน

• ฟันกรามอักเสบที่กระทบโพรงไซนัส

“สัตวแพทย์แนะนำให้ตรวจตาทุกปี โดยเฉพาะในแมวอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป”
– Thailand Pet Health Journal

คำแนะนำ:

• สังเกตว่าแมวมีอาการตาปิด ตาแดง หรือหรี่ตาหรือไม่

• ถ้ามีอาการร่วมอื่น เช่น ไอ จาม เบื่ออาหาร = พาไปหาหมอทันที

5. การดูแลที่บ้านสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาได้

แม้บางอาการต้องพึ่งสัตวแพทย์ แต่หลายกรณีสามารถดูแลเบื้องต้นได้ที่บ้าน

วิธีดูแลตาแมวเบื้องต้น:

• ใช้สำลีแผ่นชุบน้ำเกลือสะอาด เช็ดตาวันละ 1–2 ครั้ง

• หลีกเลี่ยงการใช้สำลีแห้ง หรือทิชชู่เช็ดตาโดยตรง

• ตรวจสอบตาแมวทุกวันหลังตื่นนอนหรือกลับจากนอกบ้าน

“การเช็ดตาแมวด้วยน้ำเกลือสามารถลดการสะสมเชื้อได้มากกว่า 60%”
– Veterinary Ophthalmology Association, 2020

อาการตาแฉะของแมวไม่ใช่แค่เรื่องน่ารัก หรือ “แมวอินละคร”
แต่มันคือสัญญาณสุขภาพที่อาจพาไปสู่โรคที่ซับซ้อน
รู้ทันวันนี้ ป้องกันปัญหายาวๆ ได้ในอนาคต

❝อย่าปล่อยให้น้ำตาแมวไหล โดยที่คุณไม่เข้าใจว่าทำไม❞
รู้จักสาเหตุวันนี้ แมวของคุณจะขอบคุณด้วยแววตาใสๆ ไม่มีขี้ตาอีกต่อไป

#แมวตาแฉะต้องสังเกต #น้ำตาแมวไม่ใช่เรื่องเล่น #ขี้ตาแมวมีความหมาย #ดูแลแมวอย่างเข้าใจ #Lazadogดูแลแมวทุกอาการ

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com