5 เรื่องน่าตกใจ! ทำไมแมวถึง “ไม่อยากไปคลินิก” และคุณหมอจะทำให้แมวรู้สึกดีได้ยังไง? (อัปเดท 2025)

Apr 19, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
5 เรื่องน่าตกใจ! ทำไมแมวถึง “ไม่อยากไปคลินิก” และคุณหมอจะทำให้แมวรู้สึกดีได้ยังไง? (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 เรื่องน่าตกใจ! ทำไมแมวถึง “ไม่อยากไปคลินิก” และคุณหมอจะทำให้แมวรู้สึกดีได้ยังไง?

ถ้าคุณเคยพาแมวไปหาหมอ แล้วพบว่าน้องหลบเข้ากล่อง ไม่ยอมออก
ส่งเสียงฮึ่มๆ เหมือนแมวตัวเองกลายเป็นเสือโคร่งย่อส่วน
หรือแม้แต่กลับบ้านแล้วขู่ใส่เจ้าของเหมือนไปเจอเรื่องฝังใจมา...

คุณไม่ใช่คนเดียวครับ
เพราะนี่คือ "ประสบการณ์คลินิกสัตว์" ที่แมวจำนวนมากรู้สึกว่า “ไม่เป็นมิตรกับแมว” อย่างแรง!

วันนี้ผมจะพาคุณเปิดโลก “คลินิกแมวเฟรนด์ลี่” หรือ Cat-Friendly Clinic
และเผย 5 ข้อเท็จจริงที่หลายคนไม่เคยรู้ ว่าทำไมแมวถึงเครียดกับคลินิก
รวมถึงเคล็ดลับการออกแบบคลินิกให้ “แมวรู้สึกเหมือนบ้าน” มากกว่าห้องสอบสวนครับ


1. แมวไวต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่คุณคิด

แมวไม่ใช่แค่กลัวเสียงดังครับ
แต่แมวไวต่อทุกอย่างรอบตัว ทั้งกลิ่น เสียง การสัมผัส และแม้กระทั่ง “พลังงาน” ของพื้นที่

“แมวต้องการพื้นที่ที่รู้สึกควบคุมได้ และเมื่อเข้าสู่พื้นที่แปลกใหม่ เช่น คลินิกสัตว์ ความเครียดจะพุ่งทันที”
– ข้อมูลจาก International Society of Feline Medicine (ISFM)

สิ่งที่ทำให้แมวเครียดในคลินิก:

  • เสียงหมาเห่าดังสนั่น

  • กลิ่นแมวตัวอื่น

  • เสียงอุปกรณ์หมอ

  • คนจับหลายคนแบบไม่มีสัญญาณเตือน

ข้อควรรู้:
แมวที่เครียดมากอาจ “จำ” ประสบการณ์ไม่ดีไว้เป็นปี
และจะต่อต้านทุกครั้งที่คุณจับใส่กระเป๋าเพื่อไปหาหมอ


2. ห้องตรวจแบบ “แยกแมว” ช่วยลดความเครียดได้มากกว่า 50%

คลินิกสัตว์ทั่วไปมักมีห้องรวมสำหรับทั้งหมาและแมว
แต่สำหรับแมว การเจอหมา หรือแมวแปลกหน้า ถือเป็น “ภัยคุกคาม” ทางจิตใจ

“คลินิกที่มีห้องรอและห้องตรวจเฉพาะแมว สามารถลดระดับความเครียดของแมวลงได้ 55–70%”
– งานวิจัยจาก Feline Stress & Veterinary Experience Study, 2021

เทคนิคการจัดพื้นที่แมว:

  • ห้องรอแยก หรือโซนแมวโดยเฉพาะ

  • ผ้าคลุมกระเป๋าแมว (ลดการมองเห็นรอบตัว)

  • ใช้กลิ่น Feliway หรือสารสกัดแคทนิปเบาๆ ในห้อง

  • มีที่วางกระเป๋าแมวที่สูงกว่าพื้น


3. การจับแมวให้ “นิ่ง” ไม่จำเป็นต้องใช้แรง

สิ่งที่แมวต้องการไม่ใช่คนจับแน่นๆ
แต่คือ "วิธีสัมผัสที่ถูกจังหวะและมีการเตรียมใจ"

“การจับแมวแบบ Low-Stress Handling ช่วยให้การตรวจง่ายขึ้น 3 เท่า และแมวไม่เกิดความทรงจำแย่ๆ กับคลินิก”
ข้อมูลจาก Fear Free Pets Initiative

เทคนิคของ Cat-Friendly Clinic:

  • ใช้ผ้าคลุมแมวเพื่อให้รู้สึกปลอดภัย

  • สัมผัสเบาและมีจังหวะ

  • ให้เวลาแมวสำรวจห้องก่อนตรวจ

  • ใช้ของเล่นหรือขนมแมวช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ


4. หมอแมวต้องเข้าใจ “ภาษากายแมว” มากกว่าแค่การตรวจ

แมวไม่พูด แต่สื่อสารผ่านหู ตา หาง และท่าทาง
คุณหมอที่เชี่ยวชาญแมวจะอ่านออกว่า "ตอนนี้แมวพร้อมหรือยัง"
ไม่ใช่แค่เปิดปากแล้วจับตรวจเลยทันที

ตัวอย่างสัญญาณ:

  • หูตั้ง → ผ่อนคลาย

  • หูหันหลัง → เริ่มระแวง

  • หางกระดิกเร็ว → ไม่โอเคแล้ว

  • ตาขยาย → เตรียมตั้งรับ

เคล็ดลับ:
หากหมอหยุดชั่วคราวเมื่อแมวตึงเกินไป แปลว่าเขา “เห็นแมวเป็นแมว” ไม่ใช่แค่เคสหนึ่งที่ต้องทำให้เสร็จครับ


5. คลินิกที่เป็นมิตรกับแมว = ทำให้เจ้าของพาแมวไปหาหมอบ่อยขึ้น

“จากการสำรวจในอังกฤษ เจ้าของแมว 39% ไม่กล้าพาแมวไปหาหมอ เพราะกลัวแมวเครียดหรือดื้อ”
ข้อมูลจาก CatCare UK Survey 2020

นั่นหมายความว่า ถ้าคลินิกไม่เป็นมิตรกับแมว
แมวก็จะไม่ได้รับการดูแลสุขภาพเท่าที่ควร
ทั้งเรื่องวัคซีน ตรวจฟัน ตรวจไต หรือปัญหาเรื้อรังต่างๆ

ข้อควรรู้:
Cat-Friendly Clinic ไม่ได้เป็นแค่คำโฆษณา
แต่คือมาตรฐานจริงระดับสากลที่รับรองโดย International Cat Care (iCatCare)


แมวไม่ใช่หมา
และคลินิกที่ดูแลแมวได้ดี ต้องเริ่มจาก “ความเข้าใจแมว” ไม่ใช่แค่ความชำนาญทางการแพทย์

ยิ่งแมวรู้สึกปลอดภัยเมื่อเข้าไปในคลินิก → ยิ่งตรวจง่าย → ยิ่งได้รักษาไว → ยิ่งแมวสุขภาพดี
และสุดท้ายคุณก็จะได้แมวที่ไม่แอบเกลียดคุณทุกครั้งที่กลับจากหาหมอครับ


#คลินิกแมวเฟรนด์ลี่คือคำตอบ #หาหมอแบบแมวไม่เครียด #ดูแลแมวเริ่มจากความเข้าใจ #Lazadogห่วงใยแมวทุกขั้นตอน #หมอที่เข้าใจแมวมีอยู่จริง


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts