5 เรื่องน่าตกใจ! ทำไมเห็บตัวเล็กๆ ถึงอันตรายใหญ่สำหรับหมาแมว (และเจ้าของ!)
“เห็บตัวแค่นี้ จะไปน่ากลัวอะไร?”
หลายคนอาจคิดแบบนี้… จนวันที่เจอว่าเห็บตัวหนึ่งทำให้หมาป่วยหนัก
หรือบางบ้านก็ถึงขั้น “คนในบ้านติดโรคจากเห็บ” แบบไม่รู้ตัว!
ใช่ครับ… เห็บไม่ใช่เรื่องเล็ก
เพราะนอกจากดูดเลือดสัตว์เลี้ยงที่เรารักแล้ว มันยังเป็น “พาหะนำโรค” ที่อันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศชื้นๆ อย่างเมืองไทย
วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ “5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับเห็บ”
พร้อมเทคนิคการกำจัดแบบปลอดภัย ป้องกันได้จริง และไม่ต้องเสียใจภายหลังครับ
เห็บไม่ได้แค่กัดให้คัน แต่ยังเป็นพาหะของเชื้อโรคที่ทำให้หมาแมวป่วยหนัก เช่น
พยาธิเม็ดเลือด (Ehrlichia, Babesia)
โรคไลม์ (Lyme disease)
โรคไข้เห็บ (Tick fever)
โรคแอนาพลาสมา (Anaplasmosis)
“ในสุนัขไทยที่พบเห็บติดตัว มีอัตราติดพยาธิเม็ดเลือดสูงถึง 68%”
– ข้อมูลจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข้อควรรู้:
โรคที่เห็บนำมาสามารถทำให้หมาเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่วันหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา
“เห็บเพศเมียที่โตเต็มที่สามารถดูดเลือดได้มากกว่า 100 เท่าของน้ำหนักตัวเองภายในเวลาไม่กี่วัน”
– ข้อมูลจาก WHO Vector Biology Program
นั่นหมายความว่า...
เห็บ 3–5 ตัว สามารถดูดเลือดได้เทียบเท่ากับปริมาณเลือดที่ทำให้หมาอ่อนแรง หรือเป็นโลหิตจางโดยตรงได้เลย
ตัวซูบ น้ำหนักลด
เหงือกซีด อ่อนแรง
ขนหลุดเป็นหย่อมๆ
เกาไม่หยุด โดยเฉพาะตรงหู คอ ซอกขา
ดึงเห็บด้วยมือเปล่า หรือดึงแรงเกินไปจนหัวเห็บหลุดคาเนื้อ อาจทำให้เกิด
ติดเชื้อแบคทีเรียเฉพาะที่
เป็นฝีเรื้อรัง
นำเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด
แม้กระทั่ง “เกิดเนื้อตายเฉพาะจุด” ได้ในบางกรณี
ใช้ที่คีบเห็บโดยเฉพาะ (tick remover)
จับที่โคนเห็บใกล้ผิวหนังที่สุด แล้วดึงช้าๆ ตรงๆ
ห้ามบีบตัวเห็บ! เพราะจะทำให้เชื้อในตัวเห็บกระจาย
ล้างแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออ่อนๆ
ทำลายเห็บโดยแช่ในแอลกอฮอล์ (อย่าบี้ด้วยมือเปล่า)
“ไข่เห็บ 1 ตัวสามารถฟักเป็นตัวได้เป็นพันตัวภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมเหมาะสม”
– ข้อมูลจาก American Veterinary Medical Association
ซอกพื้นไม้/กระเบื้อง
ใต้พรม
หลังตู้ เตียง หรือโซฟา
ผ้าม่าน และรอยพับของเบาะนอนสัตว์เลี้ยง
ข้อควรรู้:
การฉีดพ่นหรือหยอดยาบนตัวสัตว์ไม่เพียงพอ ต้องกำจัดไข่เห็บในบ้านด้วย เช่น ใช้ไอน้ำร้อน ดูดฝุ่นแรงสูง หรือพ่นยาป้องกันเห็บในสิ่งแวดล้อม
เห็บบางสายพันธุ์ เช่น Rhipicephalus sanguineus (เห็บสีน้ำตาล)
มีรายงานว่าเคยกัดคน โดยเฉพาะเด็ก และนำโรคสู่คนได้
“โรคไลม์ และไข้เห็บในคนเป็นโรคที่พบในหลายประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้สัตว์เลี้ยงที่มีเห็บเยอะ”
– ข้อมูลจาก CDC (Centers for Disease Control and Prevention)
เคล็ดลับป้องกัน:
ใช้ยาหยอดหลังหรือปลอกคอป้องกันเห็บ
อาบน้ำด้วยแชมพูป้องกันเห็บเดือนละครั้ง
ตรวจตัวสัตว์สม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังกลับจากสนามหญ้า
ทำความสะอาดที่นอนสัตว์ทุกสัปดาห์
เห็บตัวเล็ก... แต่ผลกระทบร้ายแรงกว่าที่คิด
การรู้จักวิธีกำจัดและป้องกันตั้งแต่วันนี้ คือกุญแจสู่สุขภาพดีทั้งของสัตว์เลี้ยงและคนในบ้าน
เพราะบ้านที่ไม่มีเห็บ = บ้านที่ปลอดภัย อบอุ่น และไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาหมาแมวแพงๆ ในอนาคตครับ
#เห็บไม่ใช่เรื่องเล่น #กำจัดเห็บต้องรู้วิธี #แมวหมาปลอดเห็บบ้านก็สุข #รู้ทันโรคจากเห็บ #Lazadogห่วงใยทั้งคนและสัตว์
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com