5 เรื่องน่าตกใจ! ทำไมเห็บตัวเล็กๆ ถึงอันตรายใหญ่สำหรับหมาแมว (และเจ้าของ!) (อัปเดท 2025)

Apr 19, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
5 เรื่องน่าตกใจ! ทำไมเห็บตัวเล็กๆ ถึงอันตรายใหญ่สำหรับหมาแมว (และเจ้าของ!) (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 เรื่องน่าตกใจ! ทำไมเห็บตัวเล็กๆ ถึงอันตรายใหญ่สำหรับหมาแมว (และเจ้าของ!)

“เห็บตัวแค่นี้ จะไปน่ากลัวอะไร?”
หลายคนอาจคิดแบบนี้… จนวันที่เจอว่าเห็บตัวหนึ่งทำให้หมาป่วยหนัก
หรือบางบ้านก็ถึงขั้น “คนในบ้านติดโรคจากเห็บ” แบบไม่รู้ตัว!

ใช่ครับ… เห็บไม่ใช่เรื่องเล็ก
เพราะนอกจากดูดเลือดสัตว์เลี้ยงที่เรารักแล้ว มันยังเป็น “พาหะนำโรค” ที่อันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศชื้นๆ อย่างเมืองไทย

วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ “5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับเห็บ”
พร้อมเทคนิคการกำจัดแบบปลอดภัย ป้องกันได้จริง และไม่ต้องเสียใจภายหลังครับ


1. เห็บ 1 ตัว = อาจนำพาโรคร้ายแรงกว่า 6 ชนิด

เห็บไม่ได้แค่กัดให้คัน แต่ยังเป็นพาหะของเชื้อโรคที่ทำให้หมาแมวป่วยหนัก เช่น

  • พยาธิเม็ดเลือด (Ehrlichia, Babesia)

  • โรคไลม์ (Lyme disease)

  • โรคไข้เห็บ (Tick fever)

  • โรคแอนาพลาสมา (Anaplasmosis)

“ในสุนัขไทยที่พบเห็บติดตัว มีอัตราติดพยาธิเม็ดเลือดสูงถึง 68%”
– ข้อมูลจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ข้อควรรู้:
โรคที่เห็บนำมาสามารถทำให้หมาเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่วันหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา


2. เห็บดูดเลือดได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึง 100 เท่า

“เห็บเพศเมียที่โตเต็มที่สามารถดูดเลือดได้มากกว่า 100 เท่าของน้ำหนักตัวเองภายในเวลาไม่กี่วัน”
– ข้อมูลจาก WHO Vector Biology Program

นั่นหมายความว่า...
เห็บ 3–5 ตัว สามารถดูดเลือดได้เทียบเท่ากับปริมาณเลือดที่ทำให้หมาอ่อนแรง หรือเป็นโลหิตจางโดยตรงได้เลย

สัญญาณหมาแมวติดเห็บเยอะ:

  • ตัวซูบ น้ำหนักลด

  • เหงือกซีด อ่อนแรง

  • ขนหลุดเป็นหย่อมๆ

  • เกาไม่หยุด โดยเฉพาะตรงหู คอ ซอกขา


3. การดึงเห็บผิดวิธี = เพิ่มโอกาสติดเชื้อ

ดึงเห็บด้วยมือเปล่า หรือดึงแรงเกินไปจนหัวเห็บหลุดคาเนื้อ อาจทำให้เกิด

  • ติดเชื้อแบคทีเรียเฉพาะที่

  • เป็นฝีเรื้อรัง

  • นำเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด

  • แม้กระทั่ง “เกิดเนื้อตายเฉพาะจุด” ได้ในบางกรณี

วิธีเอาเห็บออกอย่างปลอดภัย:

  • ใช้ที่คีบเห็บโดยเฉพาะ (tick remover)

  • จับที่โคนเห็บใกล้ผิวหนังที่สุด แล้วดึงช้าๆ ตรงๆ

  • ห้ามบีบตัวเห็บ! เพราะจะทำให้เชื้อในตัวเห็บกระจาย

  • ล้างแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออ่อนๆ

  • ทำลายเห็บโดยแช่ในแอลกอฮอล์ (อย่าบี้ด้วยมือเปล่า)


4. เห็บไม่ได้อยู่แค่บนตัวสัตว์ แต่ซ่อนอยู่ตาม “ร่องผนังและเฟอร์นิเจอร์”

“ไข่เห็บ 1 ตัวสามารถฟักเป็นตัวได้เป็นพันตัวภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมเหมาะสม”
– ข้อมูลจาก American Veterinary Medical Association

จุดอันตรายในบ้าน:

  • ซอกพื้นไม้/กระเบื้อง

  • ใต้พรม

  • หลังตู้ เตียง หรือโซฟา

  • ผ้าม่าน และรอยพับของเบาะนอนสัตว์เลี้ยง

ข้อควรรู้:
การฉีดพ่นหรือหยอดยาบนตัวสัตว์ไม่เพียงพอ ต้องกำจัดไข่เห็บในบ้านด้วย เช่น ใช้ไอน้ำร้อน ดูดฝุ่นแรงสูง หรือพ่นยาป้องกันเห็บในสิ่งแวดล้อม


5. เห็บบางชนิดสามารถ “ดูดเลือดคน” และนำโรคสู่มนุษย์ได้

เห็บบางสายพันธุ์ เช่น Rhipicephalus sanguineus (เห็บสีน้ำตาล)
มีรายงานว่าเคยกัดคน โดยเฉพาะเด็ก และนำโรคสู่คนได้

“โรคไลม์ และไข้เห็บในคนเป็นโรคที่พบในหลายประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้สัตว์เลี้ยงที่มีเห็บเยอะ”
– ข้อมูลจาก CDC (Centers for Disease Control and Prevention)

เคล็ดลับป้องกัน:

  • ใช้ยาหยอดหลังหรือปลอกคอป้องกันเห็บ

  • อาบน้ำด้วยแชมพูป้องกันเห็บเดือนละครั้ง

  • ตรวจตัวสัตว์สม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังกลับจากสนามหญ้า

  • ทำความสะอาดที่นอนสัตว์ทุกสัปดาห์


เห็บตัวเล็ก... แต่ผลกระทบร้ายแรงกว่าที่คิด
การรู้จักวิธีกำจัดและป้องกันตั้งแต่วันนี้ คือกุญแจสู่สุขภาพดีทั้งของสัตว์เลี้ยงและคนในบ้าน

เพราะบ้านที่ไม่มีเห็บ = บ้านที่ปลอดภัย อบอุ่น และไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาหมาแมวแพงๆ ในอนาคตครับ


#เห็บไม่ใช่เรื่องเล่น #กำจัดเห็บต้องรู้วิธี #แมวหมาปลอดเห็บบ้านก็สุข #รู้ทันโรคจากเห็บ #Lazadogห่วงใยทั้งคนและสัตว์


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts