5 ข้อควรรู้! เสียงฟู่ในหัวใจแมวไม่ใช่เรื่องเบา อาจเป็นสัญญาณโรคร้ายที่แอบซ่อนอยู่
แมวของคุณเคยถูกหมอฟังหัวใจแล้วพูดเบาๆ ว่า
“เหมือนจะมีเสียงฟู่ๆ ในหัวใจนะครับ”
แล้วคุณก็ทำหน้างงปนตกใจ เพราะฟังดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ก็ไม่ธรรมดา
เสียงฟู่ในหัวใจแมว หรือ Heart Murmur คือหนึ่งในสัญญาณที่เราไม่ควรมองข้าม
เพราะมันอาจหมายถึงโรคหัวใจจริงจังที่ซ่อนอยู่ หรืออาจเป็นแค่เสียงชั่วคราวที่ไม่อันตรายก็ได้
วันนี้เราจะพาไปเจาะลึก 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับเสียงฟู่ในหัวใจแมว
ให้คุณเข้าใจแบบไม่ต้องมีพื้นฐานแพทย์ และรู้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อคุณได้ยินคำว่า “Heart Murmur”
Heart Murmur คือเสียงที่สัตวแพทย์ได้ยินจากการฟังหัวใจแมวด้วยเครื่อง Stethoscope
เสียงนี้เกิดจาก “การไหลของเลือดในหัวใจที่ผิดปกติ” เช่น ไหลเร็วเกิน ไหลย้อน หรือมีแรงดันสูงผิดปกติ
เสียงฟู่ไม่ได้แปลว่าเป็นโรคเสมอไป
แต่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก:
Physiologic Murmur (ไม่มีโรค): มักพบในลูกแมว หรือแมวตื่นเต้น/เครียดขณะตรวจ
Pathologic Murmur (เกิดจากโรค): มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจจริง เช่น Cardiomyopathy หรือภาวะลิ้นหัวใจผิดปกติ
“พบว่า 30–50% ของแมวที่มีเสียง Heart Murmur จริงๆ แล้วมีโรคหัวใจแฝงอยู่”
– Journal of Feline Medicine, 2021
Heart Murmur ถูกแบ่งตาม “เกรด” ของความดัง ตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 6
| เกรด | ความดังของเสียง | ความเสี่ยงโรคหัวใจ |
|---|---|---|
| 1-2 | เบา ฟังยาก | อาจไม่ใช่โรค / ต้องเฝ้าระวัง |
| 3-4 | ชัดขึ้น มีเสียงต่อเนื่อง | อาจมีโรคหัวใจแฝง ต้องตรวจละเอียด |
| 5-6 | ดังมาก / มีการสั่น | มีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจรุนแรง |
ข้อควรรู้:
เกรดไม่ได้ฟันธงว่าอันตรายหรือไม่ ต้องดูร่วมกับอาการและการตรวจอื่น
แมวที่เครียดขณะตรวจอาจมีเสียงดังขึ้นชั่วคราว
แมวเก่งเรื่อง “ซ่อนอาการ” ครับ โดยเฉพาะโรคหัวใจที่พบบ่อย เช่น
Hypertrophic Cardiomyopathy (HCM) ซึ่งทำให้ผนังหัวใจหนาและทำงานผิดปกติ
สัญญาณที่เจ้าของควรสังเกต (ถ้าเริ่มมีอาการ):
หายใจถี่ หอบ
เหนื่อยง่าย
เดินแล้วขาหลังไม่มีแรง
ลิ้นหรือเหงือกซีดคล้ำ
นอนมากผิดปกติ ไม่สนใจสิ่งรอบตัว
“แมวกว่า 70% ที่เป็น HCM ไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรง”
– Feline Heart Health Data, 2022
การฟังเสียงหัวใจเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ
ถ้าแมวของคุณถูกวินิจฉัยว่าได้ยิน Heart Murmur ควรทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น:
X-ray ทรวงอก: ดูขนาดหัวใจและปอด
Echocardiogram (อัลตราซาวด์หัวใจ): ตรวจโครงสร้างหัวใจแบบละเอียด
ECG: ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ตรวจเลือดเพื่อดูไตและเกลือแร่: เพราะโรคไตก็สัมพันธ์กับหัวใจ
คำแนะนำ:
ถ้าแมวยังเด็ก ให้ติดตามฟังซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 5–6 เดือน
ถ้าแมวโตและมีเสียงฟู่ ควรตรวจอัลตราซาวด์หัวใจทันที
ข่าวดีคือ โรคหัวใจในแมวหลายชนิดสามารถควบคุมอาการได้
ถ้ารู้เร็วและรักษาอย่างต่อเนื่อง แมวสามารถใช้ชีวิตได้ปกติแบบแฮปปี้
แนวทางการดูแลแมวที่มีปัญหาหัวใจ:
รับประทานยาลดความดันหัวใจ เช่น Atenolol, Clopidogrel (ตามดุลยพินิจสัตวแพทย์)
ควบคุมความเครียด (แมวเครียด หัวใจก็ทำงานหนัก)
ตรวจสุขภาพหัวใจทุก 6 เดือน
เลี่ยงอาหารโซเดียมสูง
อย่าใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาหมอเด็ดขาด
เสียงฟู่ในหัวใจแมวอาจฟังดูเบา แต่ไม่ควรมองข้าม
เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคที่เราป้องกันได้ถ้าเจอเร็ว
หมั่นพาแมวตรวจสุขภาพ ฟังหัวใจ และดูแลอย่างใกล้ชิด แมวจะได้อยู่กับเรานานขึ้น แข็งแรงขึ้น และมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
❝เสียงฟู่เล็กๆ ที่หัวใจ…อาจเป็นเสียงเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม❞
#เสียงหัวใจแมวผิดปกติ #HeartMurmurแมว #โรคหัวใจแมว #ตรวจสุขภาพแมว #ดูแลแมวด้วยใจ #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com