5 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ “โรคไลม์ในสุนัข” โรคเงียบที่มากับเห็บตัวจิ๋ว (อัปเดท 2025)

Apr 09, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
5 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ “โรคไลม์ในสุนัข” โรคเงียบที่มากับเห็บตัวจิ๋ว (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ “โรคไลม์ในสุนัข” โรคเงียบที่มากับเห็บตัวจิ๋ว

“เห็บ” อาจดูเป็นแค่เรื่องกวนใจของเจ้าของหมา
แต่รู้ไหมครับว่า...เจ้าตัวเล็กๆ เหล่านี้สามารถพา “โรคไลม์” โรคอันตรายที่อาจส่งผลถึงระบบประสาท ข้อต่อ และไตของน้องหมาได้เลยทีเดียว

โรคไลม์ (Lyme Disease) แม้จะพบได้บ่อยในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา
แต่ปัจจุบันก็เริ่มพบมากขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอากาศชื้น และมีการเลี้ยงสัตว์แบบปล่อยตามธรรมชาติ

วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จัก 5 เรื่องสำคัญเกี่ยวกับโรคไลม์ในสุนัข ที่เจ้าของทุกคนควรรู้
เพื่อป้องกันและรับมือให้ได้ทัน ก่อนที่โรคนี้จะสร้างปัญหากับสุขภาพของเพื่อนสี่ขาโดยไม่รู้ตัวครับ


1. โรคไลม์เกิดจาก “เห็บ” ไม่ใช่จากหมาโดยตรง

โรคไลม์เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Borrelia burgdorferi ซึ่งอยู่ในตัวเห็บบางชนิด
เมื่อเห็บที่ติดเชื้อกัดน้องหมา เชื้อโรคก็จะเข้าสู่กระแสเลือด และเริ่มกระจายไปทั่วร่างกาย

กลุ่มเสี่ยง:

  • สุนัขที่ชอบวิ่งเล่นกลางแจ้ง หรือเดินป่า

  • สุนัขที่ไม่ได้รับการป้องกันเห็บอย่างสม่ำเสมอ

  • พื้นที่ชื้น แหล่งหญ้ารก พื้นดินเฉอะแฉะ

Fact: ในบางพื้นที่ของไทยมีรายงานพบเชื้อ Borrelia ในเห็บมากกว่า 5% โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน


2. อาการของโรคไลม์...ไม่เฉพาะเจาะจง และอาจเงียบอยู่หลายสัปดาห์

น้องหมาที่ติดเชื้อโรคไลม์อาจไม่แสดงอาการทันที
บางรายใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนก่อนจะเริ่มแสดงความผิดปกติ ทำให้เจ้าของเข้าใจผิดว่าเป็นอาการชราหรือปวดข้อตามธรรมชาติ

อาการที่พบบ่อย:

  • ขาอ่อนแรง เดินกระเผลก สลับข้าง

  • ซึม เบื่ออาหาร

  • มีไข้ต่ำๆ เรื้อรัง

  • ต่อมน้ำเหลืองโต หรือไตอักเสบในบางราย

Tip: ถ้าน้องหมาเริ่มเดินผิดปกติหรือไม่ร่าเริงหลังออกทริปกลางแจ้ง ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์


3. โรคไลม์วินิจฉัยได้จากการตรวจเลือด และรักษาได้หากพบไว

สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคไลม์ได้จากการตรวจเลือดและประวัติสุขภาพ
หากตรวจพบเร็ว การให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Doxycycline จะช่วยให้อาการดีขึ้นในเวลาไม่กี่วัน

แนวทางการรักษา:

  • ให้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่อง 3–4 สัปดาห์

  • ตรวจเลือดซ้ำหลังครบคอร์ส

  • ดูแลระบบขับถ่ายและไต เพราะโรคอาจส่งผลต่อไตได้

Fact: หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา น้องหมาบางรายอาจพัฒนาเป็น “Lyme nephritis” ภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งอันตรายถึงชีวิต


4. ป้องกันโรคไลม์ได้ง่ายๆ ด้วยการ “ป้องกันเห็บอย่างจริงจัง”

โรคไลม์ไม่มีวัคซีนในไทยที่ใช้แพร่หลาย
แต่การป้องกันเห็บคือ “ทางเลือกที่ดีที่สุด” ในการป้องกันโรคนี้แบบต้นทาง

วิธีป้องกันเห็บ:

  • หยดยาหรือให้ยากินป้องกันเห็บเดือนละครั้ง

  • ตรวจเช็กขนหลังพาน้องหมากลับจากที่โล่ง/สวน

  • อาบน้ำด้วยแชมพูกำจัดเห็บเดือนละครั้ง (หรือบ่อยขึ้นถ้ามีความเสี่ยง)

Fact: การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดโอกาสติดเชื้อจากเห็บได้ถึง 98%


5. โรคไลม์อาจติดต่อถึง “คน” ได้จากเห็บ ไม่ใช่จากน้องหมา

แม้โรคไลม์จะไม่ติดต่อโดยตรงจากหมาสู่คน
แต่ถ้ามีเห็บในบ้านที่มีเชื้อ Borrelia คนในบ้านก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ

วิธีลดความเสี่ยงในครอบครัว:

  • อย่าให้เห็บมีโอกาสเติบโตในบ้าน

  • ดูแลสนามหญ้าให้สะอาด ไม่มีเศษใบไม้กองทับ

  • ใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บในบริเวณที่สัตว์เลี้ยงพักเป็นประจำ

Tip: ถ้าคนในบ้านมีอาการคล้ายไข้หวัดแต่ไม่หายเกิน 1 สัปดาห์ และมีประวัติสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเห็บ ควรปรึกษาแพทย์ทันที


โรคไลม์ในสุนัขอาจไม่ใช่โรคที่เจ้าของหลายคนรู้จักดี
แต่มันคือโรคเงียบที่น่ากลัว เพราะอาการซ่อนอยู่และอาจส่งผลกระทบต่อข้อต่อ ไต และสุขภาพระยะยาว

การดูแลน้องหมาให้ห่างจากเห็บ และรู้จักสังเกตอาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ
คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณป้องกันโรคร้ายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ


#โรคไลม์ในสุนัข #เห็บอันตราย #ป้องกันโรคหมา #เห็บกัดหมา #LazadogCareTips


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมาให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts