5 เรื่องที่คุณควรรู้ เกี่ยวกับ “พยาธิไส้เดือนในน้องหมา” ที่เจ้าของไม่ควรมองข้าม (อัปเดท 2025)

Apr 08, 2025
healthy สุขภาพ
5 เรื่องที่คุณควรรู้ เกี่ยวกับ “พยาธิไส้เดือนในน้องหมา” ที่เจ้าของไม่ควรมองข้าม (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 เรื่องที่คุณควรรู้ เกี่ยวกับ “พยาธิไส้เดือนในน้องหมา” ที่เจ้าของไม่ควรมองข้าม

ถ้าพูดถึง “พยาธิในสุนัข” หลายคนอาจนึกถึงพยาธิหนอนหัวใจหรือพยาธิในลำไส้แบบทั่วๆ ไป
แต่รู้ไหมครับว่า “พยาธิไส้เดือน” หรือ Roundworm คือหนึ่งในพยาธิที่พบได้บ่อยที่สุดในสุนัขทุกช่วงวัย โดยเฉพาะลูกหมา

ถึงจะชื่อฟังดูไม่อันตราย แต่จริงๆ แล้วพยาธิไส้เดือนสามารถส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาอย่างรุนแรง
และบางครั้ง... ก็สามารถแพร่สู่คนได้ด้วย!

วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จัก 5 เรื่องสำคัญที่เจ้าของหมาทุกคนควรรู้เกี่ยวกับเจ้าพยาธิชนิดนี้ครับ


1. พยาธิไส้เดือนพบได้มากใน “ลูกสุนัข” และสามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกได้

ลูกหมาส่วนใหญ่ติดพยาธิตั้งแต่ยังไม่ลืมตา เพราะแม่หมาสามารถส่งต่อพยาธิผ่านรกขณะตั้งครรภ์ หรือจากน้ำนมหลังคลอด

Fact: งานวิจัยจาก Companion Animal Parasite Council (CAPC)
พบว่า เกือบ 100% ของลูกหมาอายุต่ำกว่า 6 สัปดาห์ มีพยาธิไส้เดือนอยู่ในร่างกาย


2. พยาธิไส้เดือนดูเหมือนพยาธิง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว “อันตรายทั้งต่อหมาและคน”

พยาธิชนิดนี้อาศัยอยู่ในลำไส้ ดูดสารอาหารจากอาหารของหมา ทำให้หมาไม่โต ซูบผอม ท้องป่อง ขนหยาบ และอาจมีอาการอาเจียนหรือถ่ายเหลว

ที่น่ากลัวกว่าคือ:

พยาธิสามารถแพร่สู่คน โดยเฉพาะเด็กเล็กที่สัมผัสกับดิน สนาม หรือของเล่นที่ปนเปื้อนไข่พยาธิ
และหากหลุดเข้าไปในร่างกายคน อาจไปทำลายอวัยวะต่างๆ ได้ เช่น ตับ ปอด หรือแม้แต่ดวงตา (ocular larva migrans)


3. การสังเกตอาการและ “ตรวจอุจจาระ” เป็นกุญแจสำคัญ

น้องหมาที่ติดพยาธิไส้เดือนไม่ได้แสดงอาการชัดเจนเสมอไป
บางตัวดูแข็งแรงปกติ แต่จริงๆ มีพยาธิในลำไส้มากจนดูดสารอาหารไปหมด

อาการที่ควรระวัง:

  • อาเจียนบ่อย หรืออาเจียนออกมาเป็นตัวพยาธิ

  • อุจจาระมีเมือกหรือมีพยาธิปน

  • ขนหยาบ ไม่เงา

  • ท้องป่องแต่ร่างกายซูบ

  • น้ำหนักไม่ขึ้นแม้กินเยอะ

Tip: ควรพาน้องหมาตรวจอุจจาระอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทุก 3 เดือนในลูกหมา


4. การถ่ายพยาธิควรทำเป็น “กิจวัตร” ไม่ใช่แค่เมื่อมีอาการ

เจ้าของหมาหลายคนมักจะให้ถ่ายพยาธิก็ต่อเมื่อน้องหมาเริ่มมีอาการ
แต่ความจริงแล้ว พยาธิสามารถฟักตัวอยู่ในร่างกายได้นาน และบางชนิดอาจดื้อยา ถ้าไม่ได้ถ่ายอย่างต่อเนื่อง

คำแนะนำ:

  • ลูกหมา: ถ่ายพยาธิทุก 2 สัปดาห์ จนถึงอายุ 12 สัปดาห์

  • หมาโต: ถ่ายพยาธิทุก 3–6 เดือน

  • หมาเลี้ยงในบ้านที่ไม่ออกสนาม อาจลดความถี่ได้ แต่ยังควรถ่ายสม่ำเสมอ

  • ใช้ยาถ่ายพยาธิสูตรครอบคลุม และหมุนเวียนยาตามคำแนะนำสัตวแพทย์


5. หมาเป็นพยาธิ = เจ้าของต้องระวังเรื่อง “ความสะอาด” มากขึ้น

ไข่พยาธิไส้เดือนสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้หลายเดือน และติดตามรองเท้า มือ หรือของเล่นกลับบ้านได้ง่าย
ถ้าคุณมีเด็กเล็ก คนแก่ หรือใครที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ยิ่งต้องระวัง

วิธีป้องกันที่ได้ผล:

  • เก็บอึหมาทุกครั้งที่พาเดิน

  • ล้างมือหลังสัมผัสน้องหมาหรือของใช้

  • หมั่นล้างถาดอาหาร น้ำ และพื้นที่นอน

  • ห้ามปล่อยให้หมากินดินหรือของในสนาม

  • ตรวจสุขภาพและถ่ายพยาธิตามกำหนด

Fact: พยาธิไส้เดือน (Toxocara spp.) เป็น 1 ใน 5 พยาธิหลักที่องค์การอนามัยโลกจัดอยู่ในกลุ่ม "Zoonotic Neglected Diseases" หรือโรคพยาธิที่ส่งผลต่อทั้งสัตว์และคน


พยาธิไส้เดือนไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพน้องหมา แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนในบ้านด้วย
เพียงคุณใส่ใจเรื่องการถ่ายพยาธิ การดูแลสุขภาพพื้นฐาน และรักษาความสะอาด
ก็สามารถป้องกันปัญหาสุขภาพทั้งในน้องหมาและครอบครัวได้ในระยะยาว


#พยาธิไส้เดือนในหมา #ถ่ายพยาธิน้องหมา #ดูแลหมาให้ปลอดภัย #หมาไม่สบายเพราะพยาธิ #LazadogCareTips


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมาให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts