5 ข้อควรรู้! แมวท้องไม่ใช่เรื่องเล่นๆ รู้ก่อนจะได้ดูแลเธออย่าง “แม่แมวมือโปร” (อัปเดท 2025)

Apr 20, 2025
healthy สุขภาพ
5 ข้อควรรู้! แมวท้องไม่ใช่เรื่องเล่นๆ รู้ก่อนจะได้ดูแลเธออย่าง “แม่แมวมือโปร” (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 ข้อควรรู้! แมวท้องไม่ใช่เรื่องเล่นๆ รู้ก่อนจะได้ดูแลเธออย่าง “แม่แมวมือโปร”

ถ้าแมวสาวของคุณเริ่มนอนเยอะ ขี้อ้อนผิดปกติ กินจุขึ้น หรืออยู่ดีๆ ก็เริ่มซ่อนตัว...
เธออาจไม่ได้แค่งอน หรือกำลังอินกับ Netflix แต่กำลัง ตั้งท้อง ก็เป็นได้!

ใช่ครับ แมวตั้งท้องไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะแมวที่ไม่ได้ทำหมันและออกนอกบ้าน
และถ้าคุณไม่รู้ทัน หรือดูแลไม่ถูกวิธี ก็อาจมีผลกับทั้งแม่แมวและลูกแมวในท้องได้

บทความนี้จะพาไปรู้ 5 ข้อควรรู้แบบละเอียดยิบ ทั้งสัญญาณ วิธีดูแล ไปจนถึงข้อผิดพลาดที่ไม่ควรทำเมื่อเจอแมวท้องในบ้าน!


1. แมวเริ่มติดสัดได้เร็วตั้งแต่อายุ 4–6 เดือน

“แมวสามารถตั้งท้องได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือนครึ่ง และระยะการตั้งครรภ์เฉลี่ยอยู่ที่ 63–65 วัน”
Feline Reproductive Study, 2022

ถ้าแมวของคุณยังเด็ก แต่เริ่มครางเสียงแปลก เดินบิดตัวไปมา หรือเรียกหาคนแปลกหน้า (โดยเฉพาะแมวตัวผู้)
เตรียมรับมือได้เลย เพราะเธออาจกำลัง ติดสัด

ข้อควรรู้:

  • แมวเป็น “induced ovulator” คือ ต้องมีการผสมพันธุ์ถึงจะตกไข่

  • ถ้าไม่ทำหมันและปล่อยออกนอกบ้าน = โอกาสท้องแทบ 100%

  • แมวท้องได้หลายครั้งต่อปี และคลอกละ 3–6 ตัว


2. สังเกตสัญญาณแมวท้อง: ดูง่ายกว่าที่คิด

แมวท้องจะมีพฤติกรรมและสรีระที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2–3 สัปดาห์แรก

สัญญาณหลักๆ ที่ต้องสังเกต:

  • หัวนมเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มและขยายใหญ่ (Pinked up)

  • กินเยอะขึ้นแต่ก็เลือกกินมากขึ้น

  • เริ่มนอนเยอะ ซึม ขี้อ้อนกว่าปกติ

  • ท้องเริ่มโตช่วงสัปดาห์ที่ 3–4

  • เริ่มทำรังหรือหามุมเงียบๆ ใกล้วันคลอด

“กว่า 80% ของเจ้าของแมวไม่รู้ว่าแมวท้อง จนถึงช่วงสัปดาห์ที่ 5–6”
Cat Owner Awareness Survey, 2021


3. อาหารและโภชนาการ = หัวใจสำคัญของแม่แมวตั้งท้อง

แมวท้องต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติถึง 1.5 เท่า
และถ้าคุณให้อาหารไม่พอ หรือไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อพัฒนาการของลูกแมวได้เลย

แนวทางการให้อาหาร:

  • เปลี่ยนเป็นอาหารสำหรับแมวลูกอ่อน/แม่แมวท้อง (Kitten food)

  • เพิ่มมื้อเป็นวันละ 3–4 ครั้ง

  • วางน้ำสะอาดตลอดเวลา

  • หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์


4. ตรวจอัลตราซาวด์หรือตรวจโดยสัตวแพทย์เป็นสิ่งที่ “ควรทำมากๆ”

แมวท้องสามารถตรวจด้วยอัลตราซาวด์หรือ X-ray เพื่อเช็กจำนวนลูกแมว สุขภาพ และความพร้อมในการคลอด

ช่วงเวลาที่แนะนำให้ตรวจ:

  • สัปดาห์ที่ 3–4: ตรวจด้วยอัลตราซาวด์เพื่อยืนยันการตั้งท้อง

  • สัปดาห์ที่ 6–7: ตรวจ X-ray เพื่อเช็กจำนวนลูกแมว

  • ใกล้คลอด: ให้หมอประเมินว่าควรคลอดเองหรือจำเป็นต้องผ่าตัด

“แมวที่ได้รับการตรวจจากสัตวแพทย์ระหว่างตั้งครรภ์ มีอัตราการรอดของลูกแมวสูงกว่าถึง 40%”
Veterinary Reproduction Data, 2020


5. เตรียมบ้านให้พร้อมก่อนคลอด อย่ารอให้แมวคลอดใต้เตียง!

แม่แมวมักหาที่ปลอดภัย เงียบ และมืดสำหรับคลอด
ถ้าคุณไม่เตรียมไว้ให้ เธออาจไปคลอดบนตู้เสื้อผ้า หรือในลิ้นชักคุณก็ได้นะครับ!

อุปกรณ์เบื้องต้นที่ควรเตรียม:

  • กล่อง/ลังที่บุด้วยผ้านุ่มๆ

  • วางในมุมสงบ ไม่มีคนเดินผ่านบ่อย

  • กระบะทราย อาหาร และน้ำใกล้ๆ กัน

  • เบอร์สัตวแพทย์เผื่อฉุกเฉิน

หลังคลอด:

  • ห้ามจับลูกแมวทันที รอจนแม่แมวปล่อยก่อน

  • เช็กว่าแมวคลอดครบหรือไม่

  • ถ้าแม่แมวไม่ให้นม ต้องรีบขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์


แมวท้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเรารู้เท่าทันและดูแลอย่างถูกต้อง
คุณก็จะได้เห็น “โมเมนต์สุดอบอุ่น” ของแม่แมวและลูกแมวตัวจิ๋วแบบปลอดภัยทั้งครอก

เพราะการเตรียมตัว คือกุญแจของความสำเร็จในการเป็นพ่อแม่แมวมือโปร!


❝แมวท้องไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ...ถ้าคุณเข้าใจและเตรียมตัวให้พร้อม!❞


#แมวท้องต้องรู้ #ดูแลแม่แมว #ลูกแมวเกิดใหม่ #แมวตั้งครรภ์ #เลี้ยงแมวแบบมือโปร #Lazadogรู้ใจแมว


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts