5 ข้อควรรู้! ไวรัสหวัดแมว FCV ร้ายกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่จาม น้ำมูกไหล แต่ถึงขั้นปากพุพอง หายใจติดขัดได้เลย
เวลาคนเป็นหวัดเราก็แค่จาม น้ำมูกไหล แล้วก็กินข้าวไม่ได้แป๊บเดียวใช่ไหมครับ
แต่ถ้าแมวเป็น “หวัด” แล้วปากพอง น้ำลายไหลยืด กินไม่ได้ หายใจเสียงดัง…อันนี้ไม่ปกติแน่นอน!
หนึ่งในไวรัสตัวร้ายที่มักเป็นต้นเหตุของอาการเหล่านี้ก็คือ
Feline Calicivirus (FCV) หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “ไวรัสหวัดแมวสายพันธุ์โหด”
โรคนี้ไม่ได้อันตรายกับแมวทุกตัวเท่ากัน แต่ถ้าเจอพันธุ์รุนแรง หรือแมวมีภูมิต่ำ ก็เสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย!
มาเรียนรู้ 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับไวรัส FCV เพื่อให้คุณดูแลน้องแมวได้ทันท่วงที และป้องกันไม่ให้โรคร้ายนี้มาเยือนบ้านคุณครับ
Feline Calicivirus (FCV) คือไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้นในแมว
โดยเฉพาะ จมูก ปาก และปอด — และมักเป็นไวรัสร่วมกับ FHV-1 (Feline Herpesvirus)
อาการที่พบบ่อย:
จาม น้ำมูกไหล
น้ำตาไหล ตาแดง
แผลในปาก ลิ้น เหงือก (กินข้าวลำบาก)
น้ำลายยืด
ข้อต่อบวม ขาเดินกะเผลก (บางสายพันธุ์)
ไข้ ซึม เบื่ออาหาร
“FCV พบในแมวที่ป่วยระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันมากถึง 40–50%”
– Companion Animal Virology, 2022
ไวรัสนี้แพร่กระจายเร็วมากผ่าน:
น้ำลาย น้ำมูก
ชามข้าว/น้ำ
มื้อมนุษย์
การจาม/ไอของแมวติดเชื้อ
แม้ FCV ส่วนใหญ่จะทำให้แค่ “หวัดแมวทั่วไป”
แต่ในบางสายพันธุ์ ไวรัสกลายพันธุ์ ทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
เรียกว่า Virulent Systemic FCV (VS-FCV)
อาการรุนแรงที่พบได้ในสายพันธุ์นี้คือ:
ไข้สูงจัด
อาเจียน / ท้องเสีย
บวมตามตัว ใบหน้า
เลือดออกที่จมูก / ปาก
อวัยวะล้มเหลวหลายระบบ
“แมวที่ติดสายพันธุ์ VS-FCV มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 60% หากไม่รักษาอย่างทันท่วงที”
– Veterinary Infectious Disease Report, 2023
แม้แมวโตจะรับมือกับ FCV ได้ดีกว่า แต่ก็ยังสามารถเป็นพาหะโดยไม่มีอาการ
ในขณะที่ ลูกแมว หรือแมวที่ไม่เคยฉีดวัคซีน มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อแบบรุนแรง
กลุ่มแมวที่ควรระวังเป็นพิเศษ:
ลูกแมวอายุต่ำกว่า 6 เดือน
แมวที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกัน
แมวจร หรือแมวจากแหล่งชุมชน
แมวที่เครียด เดินทาง หรืออยู่รวมกับแมวหลายตัว
ข้อควรรู้:
แมวที่ติดเชื้อแล้วอาจกลายเป็นพาหะได้นานหลายเดือน
แมวบางตัวไม่มีอาการแต่ยังแพร่ไวรัสให้ตัวอื่นได้
หากแมวมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่มีแผลในปาก น้ำลายยืด หรือหายใจลำบาก → รีบพาไปหาสัตวแพทย์ทันที
วิธีวินิจฉัย FCV:
ตรวจอาการภายนอก + การฟังเสียงปอด
PCR test จากน้ำลาย / น้ำมูก (เฉพาะคลินิกที่มีบริการ)
แนวทางการดูแลแมวที่ติด FCV:
ให้น้ำเกลือ ถ้าแมวไม่กินน้ำ
ยาแก้ปวด ลดไข้ ลดการอักเสบ
ให้อาหารเปียก มีกลิ่นแรง กระตุ้นการกิน
รักษาสภาพอากาศอบอุ่น ไม่ชื้น ไม่ลมโกรก
แยกแมวป่วยออกจากแมวปกติอย่างเด็ดขาด
วัคซีนแมวป้องกัน FCV มีจริง และเป็นหนึ่งในวัคซีนหลักของแมวทุกตัว
แผนการป้องกันที่ได้ผล:
ฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่ออายุ 8 สัปดาห์ และบูสต์ต่อเนื่องทุกปี
แยกแมวใหม่ก่อนนำเข้าบ้านอย่างน้อย 14 วัน
ฆ่าเชื้อชามอาหาร / ห้อง / กรง อย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการพาแมวไปพื้นที่เสี่ยง เช่น งานรวมแมว, โรงแรมที่ไม่สะอาด
“วัคซีน FCV ช่วยลดความรุนแรงของโรค และลดการแพร่เชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากให้ครบตามแผนวัคซีน”
– Feline Vaccine Guidelines, 2021
FCV ไม่ใช่แค่หวัดแมวธรรมดา แต่คือไวรัสที่อาจทำให้แมวคุณเจ็บปวดจนกินไม่ได้ และเสี่ยงติดเชื้อแทรกซ้อน
แต่ข่าวดีคือ…เราป้องกันได้ 100% ถ้ารู้ทันและฉีดวัคซีนให้ตรงเวลา
อย่ารอจนแมวของคุณหายใจลำบาก หรือปากพุพอง
ป้องกันวันนี้ = แมวแข็งแรงทุกวันครับ!
❝หวัดแมวบางตัวแค่จาม…แต่บางตัวปากพอง หายใจไม่ออก ป้องกันไว้ ดีกว่ารอป่วย!❞
#FCVแมว #ไวรัสหวัดแมว #แมวปากพุพอง #วัคซีนแมว #ดูแลแมวป่วย #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com