5 ข้อควรรู้! เบาหวานในแมวไม่ใช่แค่แมวอ้วน แต่คือโรคเรื้อรังที่เจ้าของต้องเข้าใจ (ก่อนสายเกินไป)
เมื่อพูดถึงโรค “เบาหวาน” คนส่วนใหญ่มักนึกถึงคนวัยกลางคนที่กินหวานจัด ไม่ออกกำลังกาย
แต่รู้หรือไม่ว่า...แมวก็สามารถเป็นเบาหวานได้เหมือนกัน!
และที่สำคัญคือ...ถ้าเจ้าของไม่รู้ทัน โรคนี้อาจลุกลามและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้!
วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ “โรคเบาหวานในแมว” แบบเข้าใจง่ายสุดๆ
ผ่าน 5 ข้อควรรู้ที่รวมทั้งสาเหตุ อาการ แนวทางดูแล และวิธีป้องกัน เพื่อให้แมวของคุณมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดี ไม่ต้องเจาะเลือดบ่อยเหมือนคนครับ
เบาหวานในแมว หรือ Diabetes Mellitus คือภาวะที่แมวไม่สามารถใช้น้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจาก อินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาล) มีไม่เพียงพอ หรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน
“ประมาณ 0.2–1% ของแมวทั่วโลกเป็นโรคเบาหวาน และจำนวนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
– International Society of Feline Medicine, 2021
ประเภทของเบาหวานในแมว:
ประเภทที่ 2 (Type 2): พบบ่อยที่สุดในแมว ร่างกายผลิตอินซูลินได้ แต่ใช้งานไม่ดี
ประเภทที่ 1 (Type 1): พบน้อยกว่า ร่างกายผลิตอินซูลินไม่พอ
เบาหวานจากสเตียรอยด์: แมวที่ได้รับยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์นานๆ
แมวไม่ได้พูดว่า “ฉันน้ำตาลขึ้น” ได้
แต่เจ้าของสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแบบค่อยเป็นค่อยไป
อาการที่ควรสังเกต:
กินเยอะ แต่น้ำหนักลด
ดื่มน้ำบ่อยขึ้นกว่าปกติ
ฉี่เยอะ / ฉี่นอกกระบะ
ซึม ขนหยาบ ไม่แวววาว
เดินปลายขาแปลกๆ (neuropathy)
คำแนะนำ:
หากสงสัย ให้เก็บฉี่แมวไปตรวจระดับน้ำตาล + ตรวจเลือด
ตรวจสุขภาพแมวประจำปี รวมถึงเจาะเลือดอย่างน้อยปีละครั้ง
“กว่า 80% ของแมวที่เป็นเบาหวาน มีอาการกินมากแต่น้ำหนักลด เป็นสัญญาณแรกที่เจ้าของควรจับตา”
– Feline Endocrinology Survey, 2020
แมวไม่ได้เป็นเบาหวานเพราะกินเค้กหรือชานมไข่มุกนะครับ!
แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้ โดยเฉพาะพฤติกรรมการเลี้ยงแบบ “ตามใจแมว” เกินไป
สาเหตุหลัก:
ความอ้วน (แมวที่มีน้ำหนักเกิน 20% เสี่ยงเพิ่ม 3 เท่า)
พันธุกรรม (บางสายพันธุ์ เช่น Burmese มีแนวโน้มสูง)
แมวสูงวัย (ส่วนใหญ่พบในแมวอายุ 7 ปีขึ้นไป)
ความเครียดเรื้อรัง
การใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์
ข้อควรรู้:
เพศผู้ที่ทำหมันแล้ว มีโอกาสเป็นเบาหวานมากกว่าเพศเมียเล็กน้อย
การให้อาหารเม็ดที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงอย่างต่อเนื่องเป็นอีกปัจจัยเสี่ยง
ข่าวดีคือ…เบาหวานในแมวสามารถควบคุมได้ และบางรายสามารถหายขาดได้ด้วยซ้ำ!
แต่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างเจ้าของกับสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด
แนวทางการรักษา:
ฉีดอินซูลิน: วันละ 1–2 ครั้ง ตามคำแนะนำสัตวแพทย์
ควบคุมอาหาร: ใช้สูตร low carb/high protein เช่น Royal Canin Diabetic, Hill’s m/d
ลดน้ำหนัก: ถ้าแมวอ้วน
ตรวจระดับน้ำตาล: ผ่านเลือดหรือปัสสาวะที่บ้าน
ข้อควรรู้:
แมวบางตัวสามารถ “เข้าสู่ภาวะโรคสงบ” (remission) ได้หากควบคุมได้ดี
ห้ามหยุดอินซูลินหรือเปลี่ยนอาหารเองโดยไม่ปรึกษาหมอ
“แมวเบาหวานที่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มีอายุยืนยาวใกล้เคียงแมวปกติ”
– American Animal Hospital Association, 2022
โรคนี้แม้ฟังดูน่ากลัว แต่ข่าวดีคือ...เราป้องกันได้!
และการป้องกันก็ไม่ซับซ้อนเลย แค่คุณใส่ใจเรื่องอาหาร น้ำหนัก และกิจกรรมแมวเท่านั้นเอง
เทคนิคป้องกันเบาหวานแมวแบบง่ายๆ:
เลือกอาหารแมวที่มีโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ
คุมปริมาณอาหาร → ไม่ให้เติมไว้ทั้งวัน
เล่นกับแมวทุกวัน (อย่างน้อยวันละ 15–20 นาที)
หมั่นชั่งน้ำหนักแมวทุกเดือน
ตรวจเลือดและสุขภาพแมวประจำปี
“การควบคุมอาหารและน้ำหนักที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงเบาหวานในแมวได้ถึง 65%”
– Feline Preventive Health Study, 2019
แมวเป็นเบาหวานได้ และไม่ใช่โรคที่ควรปล่อยผ่าน
แต่ก็ไม่ใช่โรคที่ต้องกลัวมากเกินไป ถ้าเรารู้ทัน ดูแลถูกจุด และทำอย่างต่อเนื่อง
ความเข้าใจของเจ้าของ = กุญแจสำคัญที่ช่วยให้แมวอยู่กับเราได้นานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
❝แมวเบาหวานไม่ใช่จุดจบ…แต่คือจุดเริ่มต้นของการดูแลที่ลึกซึ้งกว่าเดิม❞
#แมวเบาหวาน #โรคเบาหวานแมว #แมวอ้วน #แมวกินเก่ง #ควบคุมน้ำตาลแมว #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com