5 เรื่องที่คุณควรรู้ เมื่อ “น้องหมาติดเชื้อยีสต์” พร้อมแนวทางดูแลเบื้องต้นที่บ้านอย่างปลอดภัย (อัปเดท 2025)

Apr 08, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
5 เรื่องที่คุณควรรู้ เมื่อ “น้องหมาติดเชื้อยีสต์” พร้อมแนวทางดูแลเบื้องต้นที่บ้านอย่างปลอดภัย (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 เรื่องที่คุณควรรู้ เมื่อ “น้องหมาติดเชื้อยีสต์” พร้อมแนวทางดูแลเบื้องต้นที่บ้านอย่างปลอดภัย

ถ้าน้องหมาของคุณเริ่มมีกลิ่นตัวแรงผิดปกติ ขนมันเยิ้ม มีผิวหนังแดง ลอก หรือคันจนต้องเกาไม่หยุด
มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจกำลังเผชิญกับ “การติดเชื้อยีสต์” ซึ่งเป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อยกว่าที่คิด

ข่าวดีคือ การติดเชื้อยีสต์ในสุนัขสามารถดูแลและป้องกันได้ตั้งแต่เบื้องต้น
และหลายครั้งเจ้าของเองก็สามารถเริ่มจัดการที่บ้านได้เลยครับ
วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จัก 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาการนี้ พร้อมแนวทางดูแลแบบเข้าใจง่าย ปลอดภัย และใส่ใจสุขภาพน้องหมาอย่างแท้จริง


1. ยีสต์คือเชื้อราที่ “มีอยู่แล้ว” บนผิวหนังของหมา

เชื้อยีสต์ในหมาส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ Malassezia pachydermatis
ซึ่งปกติจะอาศัยอยู่บนผิวหนังและหูของหมาโดยไม่ก่อปัญหา
แต่ถ้าสภาพผิวเปลี่ยน เช่น ความชื้นสูง ภูมิคุ้มกันลด หรือมีการอักเสบ ก็จะทำให้เชื้อเพิ่มจำนวนและเกิดอาการติดเชื้อ

สัญญาณที่พบได้บ่อย:

  • ผิวหนังแดง ลอก มีกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว

  • หูอักเสบ คันจนสั่นหัวบ่อย

  • ผิวเหนียว ขนร่วงเฉพาะจุด

  • เลีย-กัดตัวเองบ่อยโดยเฉพาะซอกนิ้ว ขาหนีบ รักแร้

Fact: จากรายงานของ VCA Animal Hospitals พบว่า สุนัขกว่า 70% ที่ติดเชื้อยีสต์จะมีอาการกลับมาเป็นซ้ำ หากไม่ได้จัดการที่ต้นเหตุ


2. อาการติดเชื้อยีสต์ “ไม่หายเอง” และอาจทำให้ผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน

แม้เชื้อยีสต์จะดูไม่อันตรายเท่าเห็บหรือพยาธิ
แต่ถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อาจลุกลามและกลายเป็นแผลอักเสบลึก
รวมถึงเพิ่มโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียซ้อน ที่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะในการรักษา

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • อย่าปล่อยให้หมาเกาเองจนเป็นแผล

  • ห้ามใช้ยาทาคนกับผิวหนังหมาโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์

  • อย่ารอให้ "หายเอง" เพราะเชื้อจะลุกลามเร็วในช่วงอากาศชื้น


3. วิธีดูแลเบื้องต้นที่บ้าน เริ่มได้ตั้งแต่ “ลดความชื้น” และ “ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม”

แนวทางที่ทำได้ทันที:

  • ใช้แชมพูยาต้านยีสต์ เช่นที่มีส่วนผสมของ Chlorhexidine หรือ Miconazole (ใช้สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง)

  • เช็ดผิวหนังให้แห้ง ทุกครั้งหลังอาบน้ำหรือพาเดินกลางฝน

  • ใช้ผ้าเปียกสูตรฆ่าเชื้อ สำหรับเช็ดซอกอุ้งเท้า ขาหนีบ ใต้รักแร้

  • เปลี่ยนที่นอนบ่อยขึ้น และหลีกเลี่ยงผ้าหนา/ผ้าขนหนูที่อับชื้น

Tip: หากมีจุดที่คันเฉพาะที่ อาจใช้ น้ำส้มสายชูแอปเปิลเจือจาง (1:1 กับน้ำ) เช็ดเฉพาะจุด เพื่อปรับสมดุล pH ของผิวหนัง
(แต่ควรทดสอบกับบริเวณเล็กๆ ก่อน)


4. ปรับอาหารสามารถช่วยลดการระบาดของเชื้อยีสต์ในระยะยาว

อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ร่างกายหมามีสมดุลของจุลินทรีย์
อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือคาร์โบไฮเดรตย่อยง่ายอาจกระตุ้นให้ยีสต์เติบโตมากขึ้น

อาหารที่ช่วยควบคุมเชื้อยีสต์:

  • โปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อไก่ ปลา

  • หลีกเลี่ยงอาหารเม็ดที่มีข้าวโพด/แป้งสูง

  • เสริมโปรไบโอติก (ถ้าหมาไม่มีปัญหาเรื่องระบบย่อย)

  • งดขนมหรืออาหารที่มีน้ำตาลซ่อน เช่น ขนมสุนัขเคลือบ

Fact: เจ้าของที่ปรับอาหารควบคู่กับการใช้แชมพูยา
มีแนวโน้มให้อาการดีขึ้นเร็วขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ (อ้างอิงจาก PetMD)


5. หาหมอเมื่อติดเชื้อ “เกินระยะเริ่มต้น” หรือมีอาการซ้ำซาก

แม้จะมีแนวทางดูแลเบื้องต้นที่บ้าน แต่ถ้าน้องหมาอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน
หรือมีอาการเรื้อรังมานานหลายสัปดาห์ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
เพราะอาจต้องใช้ยาต้านเชื้อยีสต์เฉพาะตัว หรือยาปฏิชีวนะร่วมด้วย

อาการที่ควรรีบไปหาหมอ:

  • ผิวหนังแดงทั่วตัว

  • มีตุ่มหนอง หรือแผลพุพอง

  • กลิ่นแรงขึ้นแม้อาบน้ำแล้ว

  • หูอักเสบซ้ำๆ จนมีน้ำเหลือง

  • ขนร่วงแบบเป็นหย่อมหลายจุด


การติดเชื้อยีสต์ในน้องหมาไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้ารู้จักสังเกตและดูแลตั้งแต่ต้น
อย่ามองข้ามกลิ่นตัวที่เปลี่ยน หรืออาการคันที่ผิดปกติ
เพราะการเริ่มต้นรักษาเร็วจะช่วยให้น้องหมาหายไวขึ้น และป้องกันปัญหาเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ


#เชื้อยีสต์ในหมา #ผิวหนังหมาอักเสบ #วิธีดูแลหมาคัน #โรคผิวหนังสุนัข #LazadogCareTips


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมาให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts