5 ข้อควรรู้! ไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว (FIV) แม้ไม่หายขาด แต่แมวของคุณก็อยู่ได้อีกนาน…ถ้ารู้จักดูแลให้ถูก
เมื่อสัตวแพทย์บอกว่า “แมวของคุณติด FIV” หลายคนจะตกใจ หน้าซีด แล้วถามกลับว่า
“แล้วมันคืออะไรครับ? แมวจะอยู่ได้นานไหม?”
FIV หรือ Feline Immunodeficiency Virus เป็นไวรัสที่ทำลายภูมิคุ้มกันในแมว
คล้ายกับไวรัส HIV ในคน แต่ ไม่ติดคน ไม่ติดข้ามสายพันธุ์ และไม่แพร่จากแมวสู่คน
แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงคือ…แมวที่ติด FIV ยังสามารถใช้ชีวิตได้ “เกือบปกติ” หากดูแลอย่างเหมาะสม
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ FIV พร้อมแนวทางการดูแลแมวให้แข็งแรง แม้จะติดไวรัสนี้ก็ตาม
FIV เป็นไวรัสชนิด Lentivirus ที่กดภูมิคุ้มกันของแมวให้ค่อยๆ อ่อนแอลง
ซึ่งทำให้แมวติดเชื้อหรือเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าปกติ แต่ใช้เวลานานกว่าจะเริ่มแสดงอาการ
อาการของแมวติด FIV แบ่งเป็น 3 ระยะ:
ระยะเริ่มต้น: ไข้ต่ำ ซึม ต่อมน้ำเหลืองโต
ระยะแฝง: ไม่มีอาการใดๆ (อาจนานหลายปี)
ระยะภูมิคุ้มกันตก: เริ่มติดเชื้อซ้ำๆ ปากอักเสบ ท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักลด
“แมวที่ติด FIV แต่ได้รับการดูแลดี สามารถมีชีวิตได้นานถึง 8–12 ปี”
– Journal of Feline Medicine, 2022
การติด FIV เกิดจาก การกัดกันแบบแรงๆ จนเลือดออก
โดยเฉพาะในแมวตัวผู้ที่ชอบต่อสู้แย่งอาณาเขต
การแพร่เชื้อ FIV:
ผ่านน้ำลายจากการกัด (หลักที่สุด)
แม่แมวสู่ลูกแมว (มีความเป็นไปได้ต่ำ)
ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าแพร่ผ่านการเลีย การกินน้ำ หรืออึฉี่ร่วมกัน
ข้อควรรู้:
แมวบ้านที่ไม่เคยออกไปนอกบ้าน มีโอกาสติด FIV “ต่ำมาก”
แมวจร หรือแมวที่เคยมีการต่อสู้รุนแรง เสี่ยงสูง
“แมวตัวผู้ที่ไม่ทำหมันและออกนอกบ้านมีโอกาสติด FIV สูงกว่าตัวเมียถึง 3 เท่า”
– Thai Urban Cat Survey, 2021
FIV ตรวจได้ง่ายด้วย ชุดตรวจเลือด ใช้เวลาเพียง 10–15 นาที
หากผลเป็นบวก ควรตรวจยืนยันอีกครั้ง (เช่น ELISA หรือ PCR)
เมื่อรู้ว่าแมวติด FIV:
แยกเลี้ยงจากแมวตัวอื่น (โดยเฉพาะแมวที่ยังไม่ติด)
เริ่มวางแผนดูแลสุขภาพให้เข้มข้นขึ้น
ไม่จำเป็นต้องทำการุณยฆาต! (เพราะแมวยังมีคุณภาพชีวิตได้ดี)
แม้แมวติด FIV จะไม่มีทางหายขาด แต่ก็สามารถมีชีวิตปกติได้ด้วยการดูแลที่ถูกวิธี
แนวทางดูแลแมวติด FIV:
อาหาร: คุณภาพสูง ย่อยง่าย เสริมภูมิคุ้มกัน
สุขภาพ: ตรวจเลือด/ตรวจร่างกายทุก 6 เดือน
พฤติกรรม: ลดความเครียด ไม่ให้แมวเครียดหรือเจอสิ่งแปลกหน้า
ไม่ให้แมวออกนอกบ้าน ป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม
ฉีดวัคซีนให้ครบ โดยหลีกเลี่ยงวัคซีนเชื้อเป็น (ปรึกษาสัตวแพทย์)
เสริมพิเศษ:
อาหารเสริมเช่น Lysine หรือ interferon อาจช่วยได้ในบางราย
ดูแลช่องปากแมวดีๆ เพราะแมวติด FIV เสี่ยงปากอักเสบเรื้อรัง
“แมว FIV ที่ได้รับการดูแลสุขภาพเป็นประจำมีอายุเฉลี่ยใกล้เคียงแมวปกติในบ้านเดียวกัน”
– Feline Chronic Virus Study, 2020
ข่าวไม่ค่อยดีคือ ปัจจุบันวัคซีน FIV ยังไม่มีในประเทศไทยครับ
และแม้ว่าบางประเทศจะมีวัคซีน FIV แต่ประสิทธิภาพยังเป็นที่ถกเถียงกันในวงการสัตวแพทย์
แนวทางป้องกันที่ดีที่สุด:
ทำหมันแมวเพื่อลดนิสัยต่อสู้
เลี้ยงในบ้าน ปิดหน้าต่าง ป้องกันแมวแอบหนี
ตรวจ FIV ก่อนรับแมวใหม่เข้าในบ้าน
แยกเลี้ยงแมว FIV ออกจากแมวที่ยังไม่ติด
ข้อควรรู้:
แมวติด FIV ไม่ควรถูกทอดทิ้ง เพราะพวกเขายังสามารถมีชีวิตปกติได้
ควรให้ข้อมูลเจ้าของใหม่อย่างชัดเจนหากต้องการหาบ้านให้แมว FIV+
FIV อาจเป็นไวรัสที่ไม่มีทางรักษาหาย
แต่ก็ไม่ใช่ “จุดจบของแมว” ถ้าเจ้าของเข้าใจ และพร้อมดูแลอย่างเหมาะสม
เพราะแมว FIV ก็ยังเป็นแมวที่รักคุณได้ทุกวัน…เหมือนเดิม
❝ติด FIV ไม่ใช่จุดจบ…แค่ต้องรักให้มากขึ้น และดูแลให้ลึกขึ้น❞
#FIVแมว #เอดส์แมว #ดูแลแมวติดไวรัส #แมวภูมิคุ้มกันต่ำ #รักแมวไม่เลือกสถานะ #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com