5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับ “อาหารสุนัขไขมันต่ำ” ที่เจ้าของหมาต้องรีบรู้ (อัปเดท 2025)

Sep 25, 2025
healthy สุขภาพ
5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับ “อาหารสุนัขไขมันต่ำ” ที่เจ้าของหมาต้องรีบรู้ (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับ “อาหารสุนัขไขมันต่ำ” ที่เจ้าของหมาต้องรีบรู้


ฉากเปิด…นางเอกนั่งร้องไห้เพราะหมาตัวโปรดอ้วนพีจนหอบ พระเอกสัตวแพทย์หล่อเท่เดินเข้ามาแล้วโยนถุงอาหารสุนัขที่มีคำว่า Low Fat ลงบนโต๊ะ พร้อมพูดเสียงเข้มว่า
“ถ้าไม่เปลี่ยนตอนนี้ หมาของคุณอาจเสี่ยงชีวิต!”
นี่ไม่ใช่แค่ดราม่าซีรีส์ แต่คือเรื่องจริงที่เจ้าของหมาหลายคนไม่รู้ วันนี้ผมจะพาคุณไปเจาะลึก อาหารสุนัขไขมันต่ำ (Low-Fat Dog Food) จากการจัดอันดับของ DogFoodAdvisor – Suggested Low Fat Dog Food


1. ไขมันสูง = เสี่ยงโรคตับอ่อนอักเสบ

  • งานวิจัยเผยว่าสุนัขที่ได้รับอาหารไขมันสูงกว่า 20% ของพลังงาน เสี่ยงเป็นโรค Pancreatitis (ตับอ่อนอักเสบ)

  • อาการ: อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร
    ข้อควรรู้: อาหารไขมันต่ำช่วยลดความเสี่ยงได้ โดยสูตร Low-Fat ส่วนใหญ่มีไขมันเพียง 7–10% เท่านั้น


2. ไม่ใช่แค่หมาอ้วนที่ต้องกิน

หลายคนเข้าใจผิดว่า Low-Fat มีไว้เฉพาะหมาอ้วน แต่จริง ๆ แล้ว…

  • เหมาะกับหมาที่เคยป่วยเป็น ตับอ่อนอักเสบ

  • สุนัขพันธุ์ที่มีความเสี่ยง เช่น ค็อกเกอร์ สแปเนียล หรือยอร์กเชียร์ เทอร์เรีย
    สถิติ: มีรายงานว่าโรคตับอ่อนอักเสบพบได้ถึง 24% ในสุนัขที่เคยกินอาหารไขมันสูงต่อเนื่อง


3. โปรตีนยังคงสูง ไม่ใช่อาหารจืด

  • หลายแบรนด์อย่าง Hill’s Prescription Diet i/d Low Fat หรือ Blue Buffalo Life Protection Healthy Weight ให้โปรตีนเฉลี่ย 22–27%

  • แม้ลดไขมัน แต่ยังคงคุณค่าโปรตีนเพื่อเสริมกล้ามเนื้อและระบบภูมิคุ้มกัน
    เคล็ดลับ: เลือกสูตรที่โปรตีนหลักมาจากเนื้อสัตว์แท้ ไม่ใช่เพียง By-product


4. ไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มนาน

อาหาร Low-Fat มักเสริมไฟเบอร์จาก ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ หรือผักผลไม้

  • ทำให้สุนัขรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดการขออาหารบ่อย

  • ค่าเฉลี่ยไฟเบอร์อยู่ที่ 8–12% สูงกว่าอาหารทั่วไปเกือบสองเท่า
    ข้อควรรู้: ไฟเบอร์ช่วยคุมพลังงานและป้องกันท้องผูก


5. ราคาไม่ได้แพงเกินไป

ต่างจากอาหารสูตรพิเศษอื่น ๆ อาหาร Low-Fat ราคาค่อนข้างใกล้เคียงกับอาหารเม็ดปกติ

  • ถุง 12 กก. ราคาเฉลี่ย 2,200–3,000 บาท

  • ถือว่าคุ้มเมื่อเทียบกับค่ารักษาโรคตับอ่อนอักเสบที่อาจสูงถึง 10,000–20,000 บาทต่อครั้ง
    ข้อควรรู้: ลงทุนในอาหารที่เหมาะสม ดีกว่าต้องจ่ายค่ารักษาทีหลัง


เคล็ดลับการเลือกอาหาร Low-Fat

  1. มองหาค่าไขมันไม่เกิน 10%

  2. เลือกโปรตีนจากเนื้อสัตว์แท้ (Chicken, Turkey, Fish)

  3. ควรมีไฟเบอร์ ≥ 8%

  4. เลือกแบรนด์ที่ผ่านการรับรอง AAFCO

  5. ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเปลี่ยนสูตรอาหาร


ไขมันต่ำ ใช่ว่าจืดชืดไร้ค่า
โปรตีนยังมา ไฟเบอร์สูงช่วยได้
เลือกอย่างถูก หมาสุขภาพดีไม่หาย
อยู่คู่เจ้าของไป ได้อีกหลายปี


FAQ

Q1: ทุกหมาต้องกิน Low-Fat หรือไม่?
A: ไม่จำเป็น เหมาะกับหมาที่อ้วน ป่วยตับอ่อน หรือหมาที่สัตวแพทย์แนะนำ

Q2: กิน Low-Fat แล้วหมาจะผอมลงจริงไหม?
A: ช่วยได้ถ้าควบคู่กับการออกกำลังกายและควบคุมปริมาณอาหาร

Q3: ลูกสุนัขควรกิน Low-Fat หรือไม่?
A: ไม่แนะนำ เพราะลูกสุนัขต้องการไขมันและพลังงานสูงกว่าปกติ

Q4: ควรให้อาหาร Low-Fat ไปตลอดหรือไม่?
A: ขึ้นอยู่กับสุขภาพสุนัข ควรปรึกษาสัตวแพทย์เป็นระยะ

Q5: แบรนด์ใดบ้างที่ DogFoodAdvisor แนะนำ?
A: Hill’s Prescription Diet i/d Low Fat, Blue Buffalo Healthy Weight, Wellness Core Reduced Fat


#อาหารสุนัขไขมันต่ำ #LowFatDogFood #โภชนาการสุนัข #สุขภาพหมา #Lazadog

ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ


by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts