5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับ “อาหารสุนัขแบบดิบ” ที่เจ้าของหมาต้องรู้ก่อนลอง (อัปเดท 2025)

Sep 25, 2025
คู่มือสัตว์เลี้ยง
5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับ “อาหารสุนัขแบบดิบ” ที่เจ้าของหมาต้องรู้ก่อนลอง (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 เรื่องน่าตกใจเกี่ยวกับ “อาหารสุนัขแบบดิบ” ที่เจ้าของหมาต้องรู้ก่อนลอง


ฉากเปิด…พระเอกนั่งกินข้าวอย่างสงบ แต่ทันใดนั้นกล้องแพนไปที่ชามอาหารหมา ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อสด ๆ เลือดยังแดงฉาน…แล้วเสียงดนตรีระทึกก็ดังขึ้น! ใช่แล้วครับ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในซีรีส์ แต่เกิดขึ้นจริงในวงการอาหารสุนัข — “อาหารดิบ (Raw Dog Food)” กำลังเป็นกระแสที่เจ้าของหมาหลายคนหลงรัก แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความลับที่อาจทำให้คุณขนลุก!

บทความนี้ผมจะพาคุณไปเจาะลึก 5 เรื่องสุดช็อกจากการรีวิวของ DogFoodAdvisor – Best Raw Dog Foods พร้อมสถิติ ข้อควรรู้ และเคล็ดลับที่จะทำให้คุณเลือกอย่างฉลาด ไม่หลงเชื่อการตลาดเพียงอย่างเดียว


1. โปรตีนสูงปรี๊ด แต่ไม่ใช่ทุกสุนัขที่ย่อยได้

อาหารดิบขึ้นชื่อว่าโปรตีนสูงกว่าอาหารเม็ดหรืออาหารเปียก

  • หลายแบรนด์เช่น Instinct Raw หรือ Primal Raw มีโปรตีนสูงกว่า 40%

  • แต่สุนัขบางตัว โดยเฉพาะพันธุ์เล็กหรือสุนัขสูงอายุ อาจย่อยโปรตีนสดไม่หมด ทำให้ท้องเสีย อาเจียน หรือขับถ่ายผิดปกติ
    ข้อควรรู้: โปรตีนสูงไม่ใช่ “ดีเสมอไป” ต้องดูว่าสุนัขของคุณเหมาะหรือไม่


2. เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรค

อาหารดิบเป็นที่อยู่ชั้นดีของ Salmonella, E. coli และ Listeria

  • งานวิจัยในสหรัฐฯ พบว่า มากกว่า 20% ของอาหารดิบเชิงพาณิชย์ ตรวจพบเชื้อเหล่านี้

  • ไม่เพียงสุนัขที่เสี่ยงป่วย แต่คนในบ้านก็อาจติดเชื้อได้ด้วย
    เคล็ดลับ: ถ้าเลือกอาหารดิบ ต้องซื้อจากแบรนด์ที่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและควรเก็บในตู้แช่แข็งตลอดเวลา


3. ค่าใช้จ่ายพุ่งแรง

อาหารดิบไม่ใช่ของถูก!

  • เฉลี่ยแล้วเจ้าของสุนัขต้องจ่าย 2-4 เท่า ของค่าอาหารเม็ดพรีเมียม

  • เช่น สุนัขพันธุ์กลางอาจต้องใช้งบกว่า 4,000–6,000 บาท/เดือน
    ข้อควรรู้: ถ้าคิดจะเลี้ยงอาหารดิบ ต้องวางแผนงบประมาณระยะยาว ไม่เช่นนั้นอาจหนักกระเป๋า


4. ไม่สมดุลโภชนาการเสมอไป

การให้อาหารดิบแบบ “ทำเอง” หรือบางแบรนด์ที่ไม่ได้ผ่านมาตรฐาน AAFCO อาจขาดสารอาหารสำคัญ เช่น

  • แคลเซียม

  • วิตามิน D

  • สังกะสี
    ผลลัพธ์คือปัญหากระดูก ผิวหนัง และภูมิคุ้มกันในระยะยาว
    เคล็ดลับ: เลือกแบรนด์ที่มีการคิดสูตรโดยนักโภชนาการสัตว์


5. ไม่ใช่ทุกตัวที่เหมาะกับอาหารดิบ

สุนัขที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคตับ หรือภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ควรกินอาหารดิบ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน

  • ข้อมูลจากสัตวแพทย์ระบุว่า สุนัขอายุมากกว่า 7 ปี มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงสูงกว่าวัยอื่น
    ข้อควรรู้: ก่อนเปลี่ยนอาหาร ควรปรึกษาสัตวแพทย์เสมอ


ข้อควรรู้ & เคล็ดลับ

  1. เก็บอาหารดิบในตู้แช่แข็งที่อุณหภูมิ -18°C หรือต่ำกว่า

  2. ล้างมือและภาชนะทุกครั้งหลังสัมผัส

  3. เริ่มผสมอาหารดิบทีละน้อยกับอาหารเก่า ใช้เวลา 7 วันในการเปลี่ยนสูตร

  4. เลือกแบรนด์ที่ได้รีวิวดี เช่น Instinct Raw, Primal Raw, Stella & Chewy’s ตาม DogFoodAdvisor

  5. ตรวจสุขภาพสุนัขทุก 6 เดือน หากให้อาหารดิบเป็นหลัก


เนื้อดิบสดใหม่ ดูดีในตา
แต่แฝงปัญหาที่เจ้าของไม่รู้
เลือกด้วยใจ อ่านฉลากทุกคราว
สุขภาพหมาแข็งแรง อยู่คู่เราไป


FAQ

Q1: อาหารดิบดีกว่าอาหารเม็ดจริงไหม?
A: ไม่เสมอไป ขึ้นอยู่กับสุขภาพสุนัข งบประมาณ และการดูแลเรื่องความสะอาด

Q2: สุนัขพันธุ์เล็กกินอาหารดิบได้ไหม?
A: ได้ แต่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเสี่ยงท้องเสียและติดเชื้อมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่

Q3: ถ้าจะให้อาหารดิบ ต้องเสริมวิตามินไหม?
A: ควรเลือกสูตรที่สมดุลแล้ว หรือปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเสริมวิตามินที่ขาด

Q4: อาหารดิบมีอายุเก็บนานแค่ไหน?
A: ถ้าเก็บในตู้แช่แข็ง อยู่ได้ 6-12 เดือน แต่เมื่อเปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 3 วัน

Q5: สุนัขแก่เหมาะกับอาหารดิบหรือไม่?
A: ส่วนใหญ่ไม่เหมาะ ต้องปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนทุกครั้ง


#อาหารสุนัขดิบ #RawDogFood #โภชนาการสุนัข #สุขภาพหมา #Lazadog


ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ


by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts