เปิด 5 สถิติน่ารู้ “เริ่มป้องกันเห็บหมัดให้ลูกหมาตอนไหนดี?” ไม่ใช่แค่เรื่องคัน แต่เกี่ยวพันถึงสุขภาพทั้งชีวิต
คำว่า “เห็บหมัด” อาจฟังดูเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ในโลกของลูกหมาตัวน้อย มันคือศัตรูตัวจิ๋วที่ทำลายสุขภาพได้ตั้งแต่หัวจรดหาง!
ไม่ว่าจะเป็นการขาดเลือด, ผิวหนังอักเสบ, แพ้รุนแรง หรือแม้แต่การติดพยาธิเม็ดเลือดที่อาจคร่าชีวิตน้องได้ในพริบตา
แต่คำถามคือ... เราควรเริ่มป้องกันเมื่อไร และทำยังไงให้ปลอดภัยกับลูกหมาที่ร่างกายยังบอบบางอยู่?
วันนี้ผมรวบรวมมาให้แล้วกับ 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับการเริ่มป้องกันเห็บหมัดในลูกหมา พร้อมเคล็ดลับที่ทั้งสัตวแพทย์และเจ้าของหมามือโปรแนะนำกันครับ!
จากข้อมูลของ Companion Animal Parasite Council (CAPC)
ลูกหมาที่อยู่ในสภาพแวดล้อมชื้น หรือบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงตัวอื่น มีโอกาสติดเห็บหมัดเร็วมาก
โดยเฉพาะในหน้าฝนหรือพื้นที่ที่มีหญ้า เศษใบไม้ หรือพื้นไม้เก่า
สนามหญ้าในบ้าน
พื้นไม้ในบ้านเก่า
ห้องนั่งเล่นร่วมกับสัตว์เลี้ยงโต
บริเวณคอกหรือกรง
ข้อควรรู้: เห็บ 1 ตัวสามารถดูดเลือดได้ 15 เท่าของน้ำหนักตัว และวางไข่ได้กว่า 1,000 ฟองในครั้งเดียว
ข้อมูลจาก American Veterinary Medical Association (AVMA) ระบุว่า
ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บหมัดสมัยใหม่ เช่น ยาหยอด ยาเม็ด หรือปลอกคอ
สามารถใช้กับลูกหมาได้ตั้งแต่อายุ 6–8 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับชนิดและน้ำหนักตัว)
ยาหยอดหลัง (Spot-on)
ปลอกคอกันเห็บแบบปลอดภัยสำหรับลูกหมา
ยาเม็ดแบบเคี้ยว (บางชนิดเริ่มได้เมื่อหนักเกิน 2 กก.)
กลเม็ด: ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเลือกผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง และอย่าใช้ของหมาโตกับลูกหมาเด็ดขาด
จากงานวิจัยของ University of Sydney
พบว่า อาการจากเห็บหมัดในลูกหมามักเกิดเร็วและรุนแรงกว่าหมาโต เพราะระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์
ลูกหมาที่ถูกกัดมากอาจเกิดภาวะโลหิตจาง ผิวหนังอักเสบ หรือแพ้รุนแรง
คัน/กัดขา/เลียตัวบ่อย
ขนร่วงเป็นหย่อม
มีรอยแดง/ตุ่ม/สะเก็ดเลือด
ซึม เบื่ออาหาร หายใจหอบ
เคล็ดลับ: ใช้หวีจับเห็บหมัดแบบซี่ถี่ตรวจที่หลังหู ซอกขา และโคนหางเป็นประจำ
เห็บไม่ใช่แค่ตัวคัน แต่ยังเป็น “พาหะ” ที่แพร่เชื้อพยาธิเม็ดเลือด ซึ่งเป็นโรคอันตรายถึงชีวิต
ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ระบุว่า
สุนัขที่ติดเห็บและไม่ได้รับการรักษามีโอกาสติดเชื้อเม็ดเลือด เช่น Babesia หรือ Ehrlichia เพิ่มขึ้น 4 เท่า โดยเฉพาะในลูกหมาที่ภูมิคุ้มกันต่ำ
ซึม ตาเหลือง เหงือกซีด
มีไข้เรื้อรัง
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
ข้อควรรู้: พยาธิเม็ดเลือดบางชนิดรักษาได้ยาก ต้องให้ยาเฉพาะทาง และอาจมีผลต่อสุขภาพตลอดชีวิต
จากรายงานของ ESCCAP (European Scientific Counsel Companion Animal Parasites)
การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บหมัดอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนสามารถลดความเสี่ยงการติดพยาธิภายนอกได้ถึง 95%
โดยเฉพาะในกลุ่มลูกหมาที่อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงโต หรือออกนอกบ้านเป็นประจำ
ใช้ผลิตภัณฑ์แบบต่อเนื่องทุก 30 วัน
ควบคู่กับการทำความสะอาดบ้าน พรม กรง และสนาม
พาหมาโตตรวจเห็บหมัดด้วยเพื่อป้องกันการติดซ้ำ
เทคนิคเสริม: ตั้งแจ้งเตือนในแอป Lazadog Health Tracker ทุก 30 วัน เพื่อไม่ลืมวันป้องกัน
การป้องกันเห็บหมัดในลูกหมาไม่ใช่แค่เรื่อง “ไม่คัน”
แต่มันคือการปกป้องน้องจากโรคที่อันตรายถึงชีวิต และลดปัญหาสุขภาพเรื้อรังในระยะยาว
ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งมีโอกาสให้น้องเติบโตอย่างแข็งแรงแบบไม่ต้องวิ่งหาหมอทุกเดือน
จำไว้นะครับ... ป้องกันเห็บหมัดวันนี้ ดีกว่ารักษาโรคร้ายที่มาจาก “แค่ตัวเดียวที่มองไม่เห็น”
#ป้องกันเห็บหมัดลูกหมาไม่ใช่เรื่องเล่น #เริ่มไวป้องกันได้ทัน #ลูกหมาสุขภาพดีไม่มีคัน #Lazadogห่วงสุขภาพหมาตั้งแต่วันแรก #หยุดเห็บหมัดก่อนโรคมาถึงตัว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com