เปิด 5 สถิติน่ารู้ “อาการแพ้อาหารในน้องหมา” ไม่ใช่แค่คัน แต่กระทบสุขภาพทั้งระบบ (อัปเดท 2025)

Apr 16, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
เปิด 5 สถิติน่ารู้ “อาการแพ้อาหารในน้องหมา” ไม่ใช่แค่คัน แต่กระทบสุขภาพทั้งระบบ (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

เปิด 5 สถิติน่ารู้ “อาการแพ้อาหารในน้องหมา” ไม่ใช่แค่คัน แต่กระทบสุขภาพทั้งระบบ

หลายคนคิดว่า "หมากินอะไรก็ได้" แต่ความจริงไม่ใช่แล้วครับ!
สมัยนี้หมาหลายตัวมีอาการแพ้อาหารเฉพาะชนิดแบบที่เจ้าของแทบไม่ทันสังเกต
บางตัวคันจนเกาเลือด บางตัวท้องเสียเรื้อรัง บางตัวขนร่วงเป็นหย่อมโดยไม่รู้สาเหตุ
แต่พอเปลี่ยนอาหารแบบถูกวิธี... กลับดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

วันนี้ผมเลยรวม 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับอาการแพ้อาหารในน้องหมา พร้อมข้อมูลลึก เคล็ดลับเด็ด และเทคนิคจากสัตวแพทย์เพื่อช่วยให้คุณจับพิรุธ และวางแผนอาหารให้น้องหมาได้แบบมือโปรครับ


1. 10–15% ของปัญหาผิวหนังในหมา “เกิดจากอาการแพ้อาหาร”

จากข้อมูลของ Cornell University College of Veterinary Medicine
อาการคัน ผื่น หรือขนร่วงในหมา ไม่ได้เกิดจากเห็บหมัดหรือแพ้อากาศเท่านั้น แต่ 10–15% มาจากการแพ้อาหาร โดยเฉพาะโปรตีนบางชนิดในอาหารทั่วไป

สารอาหารที่มักแพ้:

  • โปรตีนจากไก่

  • เนื้อวัว

  • ผลิตภัณฑ์จากนม

  • ไข่

ข้อควรรู้: หมาไม่ได้แพ้สารเคมีหรือสีในอาหารเสมอไป แต่อาจแพ้ “ของดี” อย่างไก่ล้วนๆ ก็ได้


2. 65% ของหมาที่แพ้อาหาร “แสดงอาการที่ผิวหนังมากกว่าระบบย่อยอาหาร”

จากการศึกษาของ Journal of Veterinary Dermatology
พบว่าอาการแพ้อาหารในหมา มักแสดงออกทางผิวหนัง เช่น คันหู เกาหู ผื่นที่อุ้งเท้า หรือขนร่วงเป็นหย่อม มากกว่าท้องเสียหรืออาเจียนแบบที่หลายคนเข้าใจ

อาการที่ควรสังเกต:

  • เกาหู ขาหนีบ หรือเลียเท้าบ่อย

  • มีคราบน้ำลายสีเข้มรอบปากหรือขา

  • ผิวแดงเป็นจุด หรือมีตุ่มสิว

  • ขนร่วงเฉพาะจุดแบบไม่ทราบสาเหตุ

กลเม็ด: ถ้าหมาคัน “เป็นจุดเดิมซ้ำๆ” โดยไม่มีเห็บหมัด อาจถึงเวลาลองปรับสูตรอาหารดูครับ


3. การวินิจฉัยว่า “หมาแพ้อาหาร” ใช้เวลาราว 8–12 สัปดาห์

จากแนวทางของ American College of Veterinary Nutrition (ACVN)
การพิสูจน์ว่าหมาแพ้อาหารต้องทำ "อาหารทดสอบ" (Elimination Diet) โดยให้อาหารโปรตีนแหล่งใหม่หรือไฮโดรไลซ์เท่านั้นเป็นเวลา 8–12 สัปดาห์
ระหว่างนั้นห้ามให้อาหาร ขนม หรือแม้แต่วิตามินที่มีรสชาติอื่นเด็ดขาด

ตัวอย่างอาหารทดสอบ:

  • ปลาแซลมอน+มันฝรั่ง

  • เป็ด+ข้าวโอ๊ต

  • อาหารไฮโดรไลซ์โปรตีนที่สัตวแพทย์แนะนำ

เทคนิค: ทำตารางบันทึกอาการ เช่น อาการคัน ท้องเสีย น้ำหนัก เพื่อใช้ประเมินผลร่วมกับหมอ


4. 70% ของเจ้าของที่เปลี่ยนอาหาร “แบบเดาสุ่ม” ทำให้อาการแย่ลง

จากผลสำรวจของ British Small Animal Veterinary Association (BSAVA)
เจ้าของหมาส่วนใหญ่เปลี่ยนอาหารบ่อยเพราะคิดว่า “ยี่ห้อนี้ไม่ถูกกับหมา” แต่ไม่ได้ทำแบบมีระบบ
ผลคืออาการแย่ลง และใช้เวลารักษานานขึ้นกว่า 2 เท่า

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย:

  • เปลี่ยนอาหารหลายยี่ห้อในเวลาใกล้กัน

  • ให้ขนมหรืออาหารเสริมระหว่างทดสอบ

  • เลือกสูตร grain-free โดยไม่มีเหตุผลทางการแพทย์

ข้อควรรู้: หมอแนะนำให้เปลี่ยน “ทีละสูตร” และสังเกตอาการนาน 2–4 สัปดาห์ก่อนตัดสินว่าแพ้หรือไม่


5. ลูกหมาก็สามารถ “แพ้อาหารได้ตั้งแต่ก่อนอายุ 1 ปี”

แม้ว่าหลายคนคิดว่าอาการแพ้อาหารจะเกิดกับหมาโตเท่านั้น
แต่ข้อมูลจาก University of Florida Veterinary School ระบุว่า
ลูกหมาบางตัวสามารถเริ่มแสดงอาการแพ้อาหารได้ตั้งแต่ 4–6 เดือนแรก โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีแนวโน้มแพ้ง่าย เช่น บูลด็อก, ลาบราดอร์, เวสต์ตี้, ชิสุ

อาการที่ลูกหมาแพ้อาหารอาจเจอ:

  • อึเหลวหรือถ่ายบ่อย

  • เกาตลอดเวลา

  • ผิวหนังลอก แดง

  • โตช้า น้ำหนักไม่ขึ้น

เทคนิคเสริม: ถ้าน้องหมามีอาการผิดปกติตั้งแต่ลูก อย่ารอให้โตแล้วค่อยแก้ เริ่มปรึกษาสัตวแพทย์ทันที


อาการแพ้อาหารในน้องหมาเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น
และถ้าคุณสังเกตพฤติกรรม คอยบันทึกอาการ และเลือกสูตรอาหารอย่างมีระบบ
คุณก็จะช่วยให้น้องหมากลับมาแข็งแรง ขนสวย ไม่คัน และยิ้มได้แบบเต็มปากทุกวัน

จำไว้นะครับ… หมาที่แพ้อาหารไม่ใช่หมาเรื่องมาก แต่คือหมาที่ต้องการเจ้าของที่ “เข้าใจ”


#หมาแพ้อาหารไม่ใช่เรื่องเล่น #สังเกตดีชีวิตดีทั้งหมาและคน #หมาคันไม่ใช่แค่เห็บหมัด #Lazadogดูแลสุขภาพลึกถึงลำไส้ #หมาแพ้ไก่เราต้องรู้


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts