เปิด 5 สถิติน่ารู้ “พาลูกหมาหาหมอครั้งแรก” เตรียมตัวดี น้องไม่สั่น เจ้าของไม่เหงื่อตก (อัปเดท 2025)

Apr 16, 2025
healthy สุขภาพ
เปิด 5 สถิติน่ารู้ “พาลูกหมาหาหมอครั้งแรก” เตรียมตัวดี น้องไม่สั่น เจ้าของไม่เหงื่อตก (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

เปิด 5 สถิติน่ารู้ “พาลูกหมาหาหมอครั้งแรก” เตรียมตัวดี น้องไม่สั่น เจ้าของไม่เหงื่อตก

สำหรับเจ้าของหมามือใหม่ การพาลูกหมาไปพบสัตวแพทย์ครั้งแรกอาจฟังดูง่ายๆ
แต่เอาเข้าจริงหลายคนมักตกม้าตายตั้งแต่หน้าคลินิก ไม่ว่าจะลืมเอกสาร ลืมประวัติ หรือที่พบบ่อยคือ “ลืมเตรียมใจน้องหมา”

อย่ารอให้ถึงคลินิกแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า
“เอ๊ะ...ต้องรู้อะไรบ้างนะ?”

วันนี้ผมเลยรวบรวม 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับการพาลูกหมาไปหาหมอครั้งแรก มาฝาก พร้อมข้อมูลจากสัตวแพทย์จริง สถิติแน่น และกลเม็ดเด็ดที่ช่วยให้น้องหมาแฮปปี้ เจ้าของไม่ลน


1. 64% ของเจ้าของพาหมาครั้งแรกโดย “ไม่ได้เตรียมข้อมูลเบื้องต้น”

จากผลสำรวจของ PetCare Thailand ปี 2566
เจ้าของหมากว่า 64% พาน้องหมาไปหาหมอโดย ไม่ได้เตรียมประวัติการฉีดวัคซีน, อาหารที่กิน หรือพฤติกรรมที่สังเกตได้
ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่สัตวแพทย์ใช้ในการประเมินสุขภาพ

ข้อมูลที่ควรเตรียม:

  • วันที่เกิดโดยประมาณ

  • ชื่อฟาร์มหรือที่มาของน้อง

  • ประวัติการฉีดวัคซีน (ถ้ามี)

  • อาหารที่กิน / ขับถ่าย / นิสัยแปลกๆ

กลเม็ด: ใช้แอป Lazadog Health Tracker เก็บข้อมูลไว้ล่วงหน้า ส่งให้หมอดูได้เลยตอนถึงคลินิก


2. ลูกหมา 82% รู้สึกกลัวและเครียดเมื่อต้องไปพบสัตวแพทย์ครั้งแรก

งานวิจัยจาก Fear Free Pets (องค์กรลดความเครียดสัตว์เลี้ยง)
พบว่า ลูกหมากว่า 82% มีอัตราการเต้นหัวใจสูงกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเข้าคลินิกครั้งแรก

พฤติกรรมที่มักแสดงออก:

  • หอบ หูตก ซ่อนตัว

  • ไม่อยากเดินเข้าประตูคลินิก

  • ขับถ่ายหรือฉี่ราดจากความกลัว

เคล็ดลับ: ฝึกน้องให้อยู่ในกระเป๋าเดินทางหรือรถก่อนวันจริง และให้ขนมระหว่างอยู่ในรถเพื่อเชื่อมโยงกับประสบการณ์ดีๆ


3. การตรวจร่างกายครั้งแรกใช้เวลาเฉลี่ยเพียง “15–30 นาที” แต่สำคัญเท่ากับการวางรากฐานสุขภาพตลอดชีวิต

จากคู่มือสัตวแพทย์สมาคมโลก WSAVA
การตรวจสุขภาพลูกหมาครั้งแรกอาจใช้เวลาแค่ 15–30 นาที
แต่ถือเป็น โอกาสทองในการตรวจพัฒนาการเบื้องต้น และตั้งโปรแกรมสุขภาพระยะยาว

สิ่งที่หมอมักตรวจ:

  • อุณหภูมิ หัวใจ ระบบหายใจ

  • ดูฟัน ผิวหนัง ขน น้ำหนัก

  • ตรวจหาเห็บหมัด พยาธิ

  • วางแผนวัคซีนและการถ่ายพยาธิ

ข้อควรรู้: บางคลินิกอาจมีบริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นฟรี ถ้าเป็นเคสลูกหมาใหม่ ลองสอบถามก่อนจองคิว


4. 51% ของเจ้าของลืมถาม “คำถามสำคัญ” ระหว่างพบสัตวแพทย์

จากการเก็บข้อมูลในกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงออนไลน์ (2565)
พบว่าเกินครึ่งของเจ้าของ ลืมถามคำถามสำคัญเกี่ยวกับการให้อาหาร, การขับถ่าย, พฤติกรรมผิดปกติ และโปรแกรมวัคซีนถัดไป

คำถามที่ควรถามเสมอ:

  • น้องหมาน้ำหนักปกติไหม?

  • อาหารแบบไหนเหมาะสมกับช่วงวัยนี้?

  • มีอาการอะไรที่ควรสังเกตบ้างในช่วง 1 เดือนแรก?

  • วัคซีน/ถ่ายพยาธิรอบหน้าเมื่อไร?

เคล็ดลับ: จดคำถามไว้ในแอปหรือมือถือ แล้วเปิดถามเลย ไม่ต้องเกรงใจหมอครับ หมออยากให้ถามมากกว่าปล่อยผ่าน


5. ลูกหมาที่เริ่มพบสัตวแพทย์ตั้งแต่เล็ก “มีสุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้นถึง 72%”

งานวิจัยของ American Animal Hospital Association (AAHA)
เผยว่า ลูกหมาที่ได้รับการดูแลต่อเนื่องโดยสัตวแพทย์ตั้งแต่เดือนแรก มีแนวโน้มสุขภาพแข็งแรง น้ำหนักดี พฤติกรรมสมดุลมากกว่ากลุ่มที่พบสัตวแพทย์น้อยกว่า 2 ครั้งในปีแรกถึง 72%

ผลดีในระยะยาว:

  • ตรวจเจอโรคแฝงตั้งแต่เนิ่นๆ

  • ควบคุมน้ำหนักได้

  • ป้องกันโรคระบาดในกลุ่มหมา

  • เจ้าของเข้าใจสุขภาพน้องหมาดีขึ้น

เทคนิคเสริม: อย่ารอให้ “ป่วย” ค่อยพาไปหาหมอ เพราะตรวจเชิงป้องกันถูกกว่ารักษาเสมอ


การพาลูกหมาไปพบสัตวแพทย์ครั้งแรกไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
แต่คือ “จุดเริ่มต้นของการเป็นเจ้าของที่เข้าใจน้องหมา”
เพราะยิ่งคุณเตรียมพร้อมได้มากเท่าไร น้องหมาก็จะยิ่งรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และเชื่อใจเจ้าของมากขึ้น

จำไว้นะครับ... หาหมอไม่ใช่แค่เรื่องป่วย แต่คือการสร้างสุขภาพดีตั้งแต่ก้าวแรกในชีวิต


#พาหมาหาหมอครั้งแรกต้องรู้ #เตรียมลูกหมาไปหาหมอ #ลูกหมาหาหมอไม่ใช่เรื่องยาก #สุขภาพดีเริ่มต้นที่หมอดี #Lazadogดูแลทุกก้าวหมาน้อย


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts