5 ข้อควรรู้! แมวตาบอดไม่ใช่จุดจบ ถ้ารู้วิธีดูแลให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้
แมวของคุณดูชนอะไรบ่อย? กระโดดพลาด หรือเดินวนอยู่กับที่บ่อยกว่าปกติ?
อย่าพึ่งคิดว่าเขา “ซุ่มซ่ามน่ารัก” อย่างเดียวครับ เพราะบางทีอาจมีเรื่องใหญ่กว่านั้น...
"ภาวะตาบอดในแมว" อาจไม่ใช่เรื่องที่เจ้าของแมวไทยคุ้นเคย แต่รู้หรือไม่ว่า
แมวจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น และบางตัวก็ตาบอดแบบที่เจ้าของไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้ลึกแบบไม่เศร้า แต่เข้าใจ พร้อมวิธีรับมือที่จะทำให้คุณและแมวยังยิ้มได้แม้ไม่มีแสง
สาเหตุของการสูญเสียการมองเห็นในแมวมีหลากหลาย ไม่ใช่แค่การโดนกระแทกหรือเกิดอุบัติเหตุ
โดยเฉพาะแมวโตหรือแมวที่มีโรคประจำตัว อาจค่อยๆ สูญเสียการมองเห็นโดยที่ไม่มีอาการชัดเจน
สาเหตุที่พบบ่อยของภาวะตาบอดในแมว:
โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) – ทำให้จอตาหลุด (Retinal Detachment)
โรคไตเรื้อรัง (CRF) – เชื่อมโยงกับความดันสูง
เบาหวาน (Diabetes Mellitus) – ทำให้เลนส์ตาขุ่น
การติดเชื้อไวรัส เช่น FIV หรือ FIP
เนื้องอกหรือภาวะทางประสาท
“แมวที่มีโรคไตระยะลุกลามมีความเสี่ยงตาบอดจากความดันสูงมากกว่าปกติถึง 6 เท่า”
– Feline Internal Medicine Report, 2023
แมวเป็นสัตว์ที่เก่งในการ "ปกปิดอาการเจ็บป่วย" ดังนั้นภาวะตาบอดจึงมักถูกมองข้าม
แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ จะเริ่มเห็นความผิดปกติเล็กๆ เหล่านี้
สัญญาณที่ควรระวัง:
เดินชนของ หรือหลีกสิ่งกีดขวางไม่ทัน
ลูกตากลอกไปมา (Nystagmus) หรือรูม่านตาไม่หด
ตาเปลี่ยนสี ขุ่น หรือดูไม่สดใส
กระโดดพลาด ขยับตัวช้า
ใช้จมูกและหนวดมากกว่าปกติ
เทคนิค: ทดลองเคลื่อนมือเบาๆ หน้าแมวจากด้านข้าง ถ้าเขาไม่กระพริบตาหรือหลบ = อาจมีปัญหาด้านการมองเห็น
ข่าวดีมากๆ คือ แมวตาบอดสามารถใช้ชีวิตได้เกือบปกติ หากได้รับการดูแลที่เหมาะสม
เพราะแมวมีประสาทรับกลิ่นและเสียงที่ดีเยี่ยม และสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้เร็วกว่าเราคิด
เคล็ดลับดูแลแมวตาบอด:
อย่าเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านบ่อย (เขาจำตำแหน่งไว้เดินตาม)
วางของจำเป็น เช่น ชามน้ำ ห้องน้ำ ไว้ที่เดิมเสมอ
พูดกับเขาบ่อยๆ ให้รู้ตำแหน่งคุณ
ใช้กลิ่นหรือพื้นผิวช่วยนำทาง เช่น พรม ปูพื้นต่างชนิด
หลีกเลี่ยงจุดตกจากที่สูง หรือบันไดเปิดโล่ง
“แมวตาบอดที่อยู่ในบ้านแบบปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตดีไม่แพ้แมวที่มองเห็น”
– Veterinary Ophthalmology Research, 2021
คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับสาเหตุ”
บางกรณีสามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้ เช่น ภาวะติดเชื้อ หรือเลนส์ขุ่นจากเบาหวานระยะต้น
แต่ถ้าเกิดจากจอตาหลุดหรือเนื้องอก อาจรักษาไม่หาย แต่ก็ยังช่วยให้แมวอยู่ได้อย่างมีความสุข
สิ่งที่ควรทำทันทีเมื่อสงสัยว่าแมวตาบอด:
พาไปพบสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านตา (Ophthalmologist)
ตรวจความดันลูกตา, อัลตราซาวด์ตา, และตรวจเลือด
ถ้าเป็นโรคเรื้อรัง เช่น ไตหรือเบาหวาน ต้องควบคุมร่วมกัน
ห้ามปล่อยไว้เฉยๆ เพราะอาจลุกลามจนตาบอดถาวร
แมวที่เพิ่งตาบอดใหม่ๆ อาจเครียด ซึม หรือหลบมุม เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย
ช่วงนี้แหละครับที่ “ความรักและความเข้าใจ” จากเจ้าของสำคัญที่สุด
ข้อแนะนำดูแลด้านอารมณ์:
ใช้เสียงเรียกเขาเบาๆ เวลาจะเข้าใกล้
อย่าแกล้งหรือทำให้ตกใจ
ให้ของเล่นที่ใช้กลิ่นหรือเสียงแทนของเล่นที่ต้องใช้สายตา
ใช้มือสัมผัสบ่อยขึ้น เพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัย
อย่าคิดว่าแมวตาบอด = ภาระ เพราะหลายตัวกลับกลายเป็นแมวขี้อ้อนมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ!
แมวตาบอดอาจฟังดูน่าเศร้าในตอนแรก แต่จริงๆ แล้ว...ไม่ใช่จุดจบของคุณภาพชีวิตเลย
ถ้าเจ้าของเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับเขา แมวก็จะปรับตัวกลับมาเป็นตัวเองได้อีกครั้ง
แมวมองไม่เห็น แต่ยัง “รู้สึกถึงความรัก” จากคุณได้ชัดเจนเหมือนเดิม...หรืออาจชัดกว่าเดิมด้วยซ้ำ
❝แมวตาบอด ไม่ใช่แมวหมดหวัง❞
#แมวตาบอด #ดูแลแมวตาบอด #แมวสุขภาพดี #แมวไม่มองเห็นก็มีความสุขได้ #รักแมวทุกสายตา #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com