5 ข้อควรรู้! “แผลกัด-ฝีแมว” อันตรายกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่แผลธรรมดา (อัปเดท 2025)

Apr 20, 2025
healthy สุขภาพ
5 ข้อควรรู้! “แผลกัด-ฝีแมว” อันตรายกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่แผลธรรมดา (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 ข้อควรรู้! “แผลกัด-ฝีแมว” อันตรายกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่แผลธรรมดา

แผลแมวกัดหรือฝีหนองจากการต่อสู้ อาจดูเหมือนเรื่องเล็กๆ สำหรับคนเลี้ยงแมว
แต่รู้ไหมครับว่า อาการพวกนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แมวต้องไปหาหมอบ่อยที่สุดอันดับต้นๆ!
โดยเฉพาะในแมวที่ออกไปผจญภัยนอกบ้าน หรือแมวที่มีนิสัยขี้ห้าว ขี้สู้

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโลกของ “แผลกัดและฝีแมว” แบบเจาะลึก
เข้าใจตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน การดูแล รวมถึงข้อควรระวังที่หลายคนมองข้าม!


1. แผลแมวกัด = จุดเริ่มต้นของ “ฝีหนอง” ที่ซ่อนตัวอยู่

แมวมีฟันเขี้ยวที่แหลมและยาว ซึ่งเมื่อกัดแล้ว จะทิ้ง “แผลลึกแต่เล็ก”
ปัญหาคือ แบคทีเรียจากปากแมวจะเข้าไปติดในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดฝีหนองใน 2-5 วันหลังการกัด

“กว่า 60% ของแผลที่เกิดจากการกัดในแมวจะกลายเป็นฝีหนองหากไม่รักษา”
Journal of Feline Medicine and Surgery, 2021

สาเหตุหลักของแผลกัดในแมว:

  • การทะเลาะกับแมวตัวอื่น (โดยเฉพาะแมวตัวผู้ที่ไม่ได้ทำหมัน)

  • แย่งพื้นที่ อาหาร หรืออาณาเขต

  • พฤติกรรมแมวที่มีแนวโน้มชอบออกไปข้างนอก


2. ฝีหนองไม่ได้ขึ้นชัดเจนตั้งแต่แรก...แต่อาจ “ระเบิด” ได้ในไม่กี่วัน

หลังจากโดนกัด แผลจะดูเงียบๆ ไปสักพัก
แต่ถ้าแมวเริ่มบวมตรงบริเวณนั้น มีไข้ หรือเจ็บเมื่อแตะ — นั่นแหละครับ “ฝีเริ่มมาแล้ว!”

อาการของฝีแมวที่ควรระวัง:

  • ก้อนบวมนิ่มๆ ใต้ผิวหนัง (มักพบบริเวณหัว คอ ต้นขา)

  • ขนร่วงเฉพาะจุด หรือแผลเปิดมีหนอง

  • เบื่ออาหาร ซึม เดินช้าลง

  • มีไข้ หรือแมวเลียแผลซ้ำๆ

“ฝีแมวที่ไม่ได้รับการรักษาอาจลุกลามจนติดเชื้อในกระแสเลือดได้”
Veterinary Clinics of North America, 2020


3. วิธีรักษาฝีแมว: อย่ารักษาเอง ต้องพาไปหาหมอ!

หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่บีบหนองออก ล้างแผล แล้วเดี๋ยวก็หาย
แต่จริงๆ แล้วการรักษาฝีในแมว ต้องอาศัยความสะอาด ความรู้ และยาเฉพาะทาง

ขั้นตอนการรักษามาตรฐาน:

  • สัตวแพทย์จะเจาะระบายหนองออก (บางรายต้องวางยาสลบ)

  • ใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะทาง

  • ดูแลแผลด้วยการล้าง + ป้องกันการเลียด้วยคอลล่าร์

  • ตรวจติดตามอาการอย่างใกล้ชิด 3-5 วันแรก

อย่าลืม: แมวบางตัวอาจต้องใช้เวลาในการหายมากถึง 10–14 วัน
และหากติดเชื้อรุนแรง อาจต้องรักษาในโรงพยาบาลสัตว์


4. ฝีแมวป้องกันได้ ถ้าคุณเข้าใจ “ธรรมชาติแมว”

วิธีลดโอกาสแมวโดนกัดหรือเกิดฝี ไม่ใช่แค่เฝ้า...แต่ต้อง “ปรับพฤติกรรม + สิ่งแวดล้อม”

เคล็ดลับป้องกันฝีจากแผลกัด:

  • ทำหมันแมว (ลดพฤติกรรมทะเลาะ)

  • ไม่ปล่อยแมวออกไปข้างนอกโดยลำพัง

  • เพิ่มของเล่น + ต้นไม้แมวในบ้าน เพื่อลดความเครียด

  • แยกแมวใหม่กับแมวเดิมก่อนให้อยู่ร่วมกัน (ลดการทะเลาะ)

  • ตรวจเช็คแผลหรือรอยข่วนเป็นประจำ โดยเฉพาะแมวห้าว

“แมวที่อยู่ในบ้าน 100% มีโอกาสเกิดฝีจากแผลกัดน้อยกว่าแมวปล่อยอิสระถึง 80%”
Feline Urban Safety Survey, 2019


5. ฝีแมวอาจเป็นสัญญาณของโรคแทรกซ้อน เช่น FIV หรือ FeLV

แมวที่เกิดฝีซ้ำบ่อย หรือมีแผลหายช้า อาจไม่ใช่เพราะโดนกัดธรรมดา
แต่อาจเป็นสัญญาณว่าแมวมีภูมิคุ้มกันต่ำจากโรคไวรัส เช่น FIV (ไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องแมว) หรือ FeLV (ลิวคีเมียแมว)

แนวทางการตรวจเพิ่มเติม:

  • หากแมวมีแผลบ่อย + อักเสบช้า ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเลือด

  • ทำประวัติการรักษา และสังเกตพฤติกรรมหลังป่วยทุกครั้ง

  • แมวติด FIV หรือ FeLV ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ หากรู้และดูแลให้ถูกทาง


แมวอาจดูเหมือน “นักสู้ประจำซอย” แต่การต่อสู้มีค่าตอบแทนเป็น “ฝีหนอง” และความเจ็บปวดเสมอ
อย่ามองข้ามแผลเล็กๆ หรืออาการบวมเล็กน้อย เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพที่ใหญ่ขึ้น

เข้าใจธรรมชาติแมว รู้ทันอาการ และดูแลอย่างใกล้ชิด = แมวปลอดภัย คุณสบายใจ!


❝แมวโดนกัด = ฝีหนองรออยู่ ถ้าคุณไม่ทันเกม!❞


#แผลแมวกัด #ฝีแมว #ดูแลแมวป่วย #แมวโดนกัด #แมวทะเลาะกัน #Lazadogรู้ใจแมว


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts