5 ข้อควรรู้! ไวรัสลิวคีเมียแมว (FeLV) ไม่ได้ติดง่าย แต่ถ้าติดแล้ว ต้องรู้จักและดูแลให้เป็น
ลองนึกภาพ…แมวของคุณดูแข็งแรง ร่าเริงดี แต่วันหนึ่งกลับเริ่มซึม กินน้อย และติดเชื้อซ้ำซาก
ตรวจเลือดแล้วเจอคำว่า “Feline Leukaemia Virus” หรือ FeLV!
ไวรัสลิวคีเมียแมวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะมันคือไวรัสที่ กดภูมิคุ้มกันแมวลง อย่างต่อเนื่อง
จนร่างกายของแมวอ่อนแอ และเสี่ยงติดเชื้อต่างๆ ง่ายกว่าปกติหลายเท่า
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักไวรัสลิวคีเมียแมวแบบเข้าใจง่าย พร้อม 5 ข้อควรรู้เพื่อให้แมวของคุณ “ไม่ติด” หรือถ้าติดแล้ว “ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้”
FeLV ย่อมาจาก Feline Leukaemia Virus
เป็นไวรัสชนิด Retrovirus ที่ติดในแมวเท่านั้น (ไม่ติดคนหรือสัตว์อื่น)
FeLV ทำอะไรกับร่างกายแมว?
กดระบบภูมิคุ้มกัน → ติดเชื้อได้ง่าย
เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukaemia)
อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางเรื้อรัง
ทำให้แมวอ่อนแอ ซึม และอายุสั้นลง
“จากข้อมูลทั่วโลกพบว่า แมวที่ติดเชื้อ FeLV มีอายุเฉลี่ยสั้นลงประมาณ 2–3 ปี เมื่อเทียบกับแมวที่ไม่ติดเชื้อ”
– Feline Infectious Disease Study, 2021
FeLV ติดต่อกันผ่านการ “สัมผัสสารคัดหลั่ง” เช่น น้ำลาย น้ำมูก ปัสสาวะ เลือด หรือแม้แต่การเลียกัน
เสี่ยงมากในกรณี:
แมวกัดกัน (แมวจร แมวข้างบ้าน)
ใช้ชามอาหาร ชามน้ำ หรือกระบะทร่วมกัน
แม่แมวติดเชื้อแล้วถ่ายทอดสู่ลูกแมว
แมวบ้านเสี่ยงไหม?
ถ้าอยู่แต่ในบ้าน และไม่มีแมวใหม่เข้า–ออก = เสี่ยงต่ำ
ถ้ามีการรับแมวใหม่ แมวจร หรือพาไปโรงแรมแมว = ควรตรวจ FeLV ก่อนทุกครั้ง
“กว่า 85% ของแมวที่ติดเชื้อ FeLV อยู่ในบ้านที่มีแมวหลายตัว หรือแมวมีประวัติออกนอกบ้าน”
– Vet Epidemiology Survey, 2020
การตรวจ FeLV ทำได้ง่ายมากครับ แค่เจาะเลือดนิดเดียว ก็รู้ผลได้ภายใน 10–20 นาที
มี 2 รูปแบบการติดเชื้อ:
แบบถาวร: ตรวจเจอไวรัสในกระแสเลือดต่อเนื่องหลายสัปดาห์ → ติดเชื้อถาวร
แบบชั่วคราว: ตรวจเจอแค่ช่วงสั้นๆ แล้วภูมิคุ้มกันแมวกำจัดได้เอง
ถ้าตรวจเจอ FeLV แล้วต้องทำยังไง?
ตรวจยืนยันซ้ำภายใน 3–6 สัปดาห์
แยกแมวที่ติดเชื้อออกจากแมวตัวอื่น
เริ่มวางแผนดูแลเฉพาะทาง (อาหาร วัคซีน ยาเสริมภูมิ ฯลฯ)
ข่าวดีคือ “แมวที่ติด FeLV ไม่ได้ตายทันทีครับ”
ถ้าได้รับการดูแลที่ดี แมวสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี และยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
แนวทางดูแลแมวติด FeLV:
ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน (เช่น ให้แมวอยู่ในบ้านเสมอ)
เลือกอาหารที่เสริมภูมิคุ้มกัน
ตรวจสุขภาพทุก 3–6 เดือน
หลีกเลี่ยงวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต
ใช้ยาหรืออาหารเสริม เช่น interferon หรือ lysine ภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์
“แมวติด FeLV ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมปลอดภัย มีการดูแลสุขภาพดี มีอายุขัยเฉลี่ย 3–6 ปี และบางรายอยู่ได้มากกว่า 10 ปี”
– Feline Chronic Care Report, 2022
วัคซีนป้องกัน FeLV มีอยู่จริง และได้ผลดีมาก โดยเฉพาะในแมวที่ยังไม่ติดเชื้อ
แนวทางป้องกัน:
ตรวจ FeLV ก่อนรับแมวใหม่ทุกครั้ง
วัคซีน FeLV สำหรับแมวที่เสี่ยง (แมวออกนอกบ้าน, แมวในคาเฟ่, แมวหลายตัวอยู่รวมกัน)
หลีกเลี่ยงการให้แมวเลียหรือเล่นกับแมวที่ยังไม่ได้ตรวจ
แยกอุปกรณ์กิน/นอน/ขับถ่ายของแมวติดเชื้อออกชัดเจน
ข้อควรรู้:
วัคซีน FeLV มักเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 8–9 สัปดาห์ และกระตุ้นซ้ำทุกปี
แมวบ้าน 100% indoor ที่ไม่มีแมวใหม่เข้า–ออก อาจไม่จำเป็นต้องฉีด (ตามคำแนะนำสัตวแพทย์)
FeLV อาจฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงคือ “รู้ก่อน = ป้องกันได้” และ “ถ้าติด = ยังดูแลให้ดีได้”
อย่ารอให้แมวอ่อนแอแล้วค่อยตรวจ รู้ทันวันนี้ ยังป้องกันทัน และแมวคุณจะอยู่กับคุณไปได้อีกนาน
❝ลิวคีเมียแมวไม่ติดคน…แต่ถ้าคุณไม่รู้ทัน อาจเสียแมวไปแบบไม่รู้ตัว❞
#FeLVแมว #ลิวคีเมียแมว #ตรวจเลือดแมว #วัคซีนFeLV #ดูแลแมวติดเชื้อ #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com