5 ข้อควรรู้! การให้เลือดแมวไม่ใช่เรื่องไกลตัว ถ้ารู้ทันก็ช่วยชีวิตได้ทันเวลา

Apr 22, 2025
สุขภาพและความแข็งแรง
5 ข้อควรรู้! การให้เลือดแมวไม่ใช่เรื่องไกลตัว ถ้ารู้ทันก็ช่วยชีวิตได้ทันเวลา

5 ข้อควรรู้! การให้เลือดแมวไม่ใช่เรื่องไกลตัว ถ้ารู้ทันก็ช่วยชีวิตได้ทันเวลา

คุณอาจจะไม่เคยนึกภาพว่า “แมวต้องรับเลือด” จะเป็นเรื่องจริง
แต่ในทางสัตวแพทย์ การให้เลือดแมวคือ “เครื่องมือฉุกเฉินที่ช่วยชีวิตได้ทันที”
ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุ โลหิตจางเฉียบพลัน หรือโรคเรื้อรังที่ทำให้ร่างกายขาดเซลล์เม็ดเลือดแดง

บทความนี้จะพาคุณมารู้ลึก รู้จริงว่า การให้เลือดแมวคืออะไร ทำยังไง และต้องระวังอะไรบ้าง
เพราะในโลกของแมว “เลือดดีคือชีวิตดี”


1. การให้เลือดแมวคืออะไร และต้องใช้เมื่อไร?

การให้เลือดแมว (Blood Transfusion) คือการนำเลือดจากแมวผู้บริจาคมาให้กับแมวผู้ป่วย
เพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดง หรือเกล็ดเลือดในกรณีที่ร่างกายขาดเลือดเฉียบพลัน

สาเหตุที่แมวอาจต้องได้รับเลือด:

  • อุบัติเหตุเลือดออกภายใน

  • โรคโลหิตจางจากเชื้อ Hemobartonella

  • ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (Autoimmune Hemolytic Anemia)

  • โรคไตระยะท้าย

  • ผ่าตัดใหญ่ที่มีเลือดออกเยอะ

“การให้เลือดช่วยเพิ่มอัตรารอดชีวิตในแมวที่มีภาวะโลหิตจางเฉียบพลันได้ถึง 60–80%”
Journal of Feline Medicine and Surgery, 2022


2. เลือดแมวไม่ใช่เลือดแมวทุกตัวจะให้กันได้! เพราะแมวมีหมู่เลือด

ต่างจากคนที่มี A, B, AB, O... แมวมีหมู่เลือดหลักๆ แค่ 3 กลุ่ม คือ A, B และ AB
และการให้เลือดผิดหมู่ อาจทำให้แมว “ช็อก” หรือ “ตายได้ภายในไม่กี่นาที”

หมู่เลือดแมวที่พบบ่อยในไทย:

  • หมู่ A: พบบ่อยที่สุด (ประมาณ 94% ของแมวในไทย)

  • หมู่ B: พบในแมวบางสายพันธุ์ เช่น บริติช ช็อตแฮร์

  • หมู่ AB: หายากมาก

เคล็ดลับ:
ก่อนให้เลือดแมวทุกครั้งต้อง “ตรวจหมู่เลือด” และ “ทำการจับคู่เลือด (crossmatch)” เพื่อความปลอดภัย

“การให้เลือดผิดหมู่ในแมวอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงภายใน 1 ชั่วโมง”
Veterinary Hematology Guide, 2021


3. แมวบริจาคเลือดได้ไหม? แล้วต้องเตรียมตัวยังไง?

ใช่ครับ แมวก็สามารถเป็น “ผู้บริจาคเลือด” ช่วยชีวิตแมวตัวอื่นได้
แต่ต้องผ่านการคัดกรองสุขภาพ และมีน้ำหนักตัวพอสมควร

เงื่อนไขแมวบริจาคเลือด:

  • น้ำหนักมากกว่า 4.5 กก.

  • อายุมากกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 8 ปี

  • สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคเรื้อรัง

  • ฉีดวัคซีนครบ ไม่มีพยาธิในเลือด

  • ไม่เคยได้รับเลือดมาก่อน

แมวบริจาค 1 ครั้ง = ช่วยแมวป่วยได้ 1-2 ตัว
และสามารถบริจาคได้ทุก 2-3 เดือน (ต้องได้รับการดูแลหลังบริจาค)


4. การให้เลือดแมวทำอย่างไร? อันตรายหรือไม่?

การให้เลือดแมวต้องอยู่ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์เท่านั้น
โดยเลือดจะถูกให้ผ่านหลอดเลือดดำ ใช้เวลาประมาณ 1–4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณและอาการของแมว

อาการข้างเคียงที่อาจเกิด:

  • มีไข้ ตัวร้อน

  • หายใจเร็ว หอบ

  • อาเจียน

  • ช็อก (ในกรณีแพ้รุนแรง)

  • ภูมิคุ้มกันทำลายเลือดที่ได้รับในภายหลัง (Delayed Reaction)

การเฝ้าระวัง:

  • ตรวจสัญญาณชีพทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรก

  • หยุดทันทีหากพบอาการผิดปกติ

  • ตรวจเลือดซ้ำหลังให้เลือดภายใน 24 ชม.

“อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังให้เลือดในแมวอยู่ที่ 10–15% ซึ่งส่วนใหญ่สามารถควบคุมได้หากตรวจเช็กไว”
Companion Animal Transfusion Report, 2023


5. แมวที่เคยได้รับเลือด ควรดูแลต่อเนื่องยังไง?

แมวที่เคยได้รับเลือด ไม่ใช่เรื่องจบแล้วจบเลยนะครับ ต้องมีการติดตามผล
เพราะในบางกรณี ร่างกายแมวอาจสร้างภูมิต้านเลือดที่ได้รับ และอาจมีอาการผิดปกติตามมา

การดูแลหลังให้เลือด:

  • ตรวจเลือดซ้ำเพื่อเช็กความเข้มข้นของเม็ดเลือด

  • สังเกตพฤติกรรมแมวว่ากลับมาเล่น กินปกติหรือยัง

  • พาไปตรวจสุขภาพตามนัด

  • หากมีอาการซีด หอบ หรือไม่กินซ้ำ = ต้องแจ้งหมอทันที

คำแนะนำ: เก็บประวัติการให้เลือดไว้ และแจ้งสัตวแพทย์ทุกครั้งเมื่อไปโรงพยาบาลในอนาคต


การให้เลือดในแมวอาจฟังดูไกลตัว แต่ความจริงคือ “การช่วยชีวิตที่เจ้าของต้องรู้ไว้ล่วงหน้า”
รู้หมู่เลือดแมวไว้ เตรียมแมวบริจาคไว้ในกรณีฉุกเฉิน และเข้าใจวิธีดูแลอย่างถูกต้อง คือทางรอดของแมวที่คุณรัก

เลือดหยดเดียวอาจเปลี่ยนชีวิตแมวได้ทั้งชีวิต ถ้าคุณรู้ทันและกล้าช่วยเหลือ!


❝แมวให้เลือดได้...แมวก็ช่วยแมวได้❞


#ให้เลือดแมว #แมวบริจาคเลือด #เลือดแมวหมู่A #แมวโลหิตจาง #ช่วยชีวิตแมว #สุขภาพแมว #Lazadogรู้ใจแมว


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


โพสต์ล่าสุด