5 ข้อควรรู้! ให้อาหารแมวยังไงให้ถูกหลัก ไม่อ้วน ไม่เหวี่ยง แถมสุขภาพดี (แมวพอใจ คนก็สบายใจ)
“จะให้อาหารแมวยังไงดี?”
เชื่อเถอะครับว่า นี่คือคำถามระดับคลาสสิกสำหรับทุกคนที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงแมว หรือแม้แต่เลี้ยงมานานแล้วแต่ยังไม่มั่นใจว่า "เราให้น้องกินดีแล้วรึยัง?"
แมวแต่ละวัยก็ต้องการสารอาหารต่างกัน
บางตัวกินเก่งแบบไม่รู้จักอิ่ม บางตัวกินน้อยจนนึกว่าอดอาหารตามเทรนด์สุขภาพ
บางตัวร้องงอแงถ้าไม่ได้รสที่ชอบ แล้วถ้าตามใจไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นเจ้าแมวอ้วนพุงกลมโดยไม่รู้ตัว
บทความนี้ผมจะพาคุณไปดู 5 ข้อควรรู้ในการให้อาหารแมว ทั้งลูกแมวและแมวโต
เพื่อให้คุณเป็น “ทาสแมวที่มีคุณภาพ” และแมวคุณเป็น “เจ้านายที่สุขภาพดี”
แมวไม่ได้ต้องการอาหารแบบเดียวกันตลอดชีวิตนะครับ
ลูกแมว (อายุต่ำกว่า 1 ปี) ต้องการพลังงานมากกว่าแมวโตถึง 2–3 เท่า ต่อกิโลกรัม
เพราะร่างกายกำลังเจริญเติบโต
ลูกแมวควรได้รับ:
โปรตีนสูง
แคลเซียมและฟอสฟอรัสสมดุล
กรดไขมัน DHA ช่วยพัฒนาสมองและสายตา
แมวโต (1 ปีขึ้นไป):
ควรกินอาหารควบคุมพลังงาน
ต้องดูแลเรื่องไขมันและน้ำหนัก
ถ้าแมวทำหมันแล้ว ควรเลือกสูตรควบคุมน้ำหนัก
“แมวที่ได้รับสารอาหารเหมาะสมตามวัย มีแนวโน้มเจ็บป่วยน้อยกว่า 45% เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ”
– Feline Nutrition Study, 2021
แมวส่วนใหญ่กินอาหารเม็ดสะดวกดี แต่รู้ไหมว่า อาหารเปียกก็มีประโยชน์ไม่น้อย
โดยเฉพาะในเรื่องการเติมน้ำให้ร่างกายแมว (เพราะแมวไม่ชอบดื่มน้ำเท่าไหร่)
อาหารเม็ด:
สะดวก เก็บง่าย
ดีต่อฟันในระดับหนึ่ง
พลังงานหนาแน่น เหมาะกับแมวที่ต้องควบคุมปริมาณกิน
อาหารเปียก:
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความเสี่ยงโรคไต
กลิ่นและรสชาติดีกว่า (แมวชอบ!)
เหมาะกับแมวป่วย เบื่ออาหาร หรือสูงวัย
คำแนะนำ:
ผสม 70% เม็ด + 30% เปียก ในแต่ละวัน
หรือให้อาหารเปียกวันละ 1 มื้อ เพื่อเติมน้ำให้ร่างกายแมว
แมวไม่รู้จัก “ห้ามใจ” ครับ ถ้าวางไว้ทั้งวัน น้องบางตัวจะกินจนพุงแตก
ดังนั้นเราควร “คำนวณปริมาณอาหารต่อวัน” ให้แมว
ตัวอย่างการคำนวณคร่าวๆ:
แมวโตน้ำหนัก 4 กก. → ต้องการพลังงานวันละประมาณ 200–250 kcal
ถ้าอาหารแมวให้พลังงาน 350 kcal/100g → ให้ได้ประมาณ 60–70 กรัม/วัน (ขึ้นกับยี่ห้อ)
“แมวที่ถูกควบคุมปริมาณอาหารจะมีแนวโน้มอายุยืนกว่าปกติถึง 2 ปี”
– Feline Caloric Restriction Research, 2019
เคล็ดลับ:
อ่านฉลากบนถุงอาหารแมว
แบ่งอาหารเป็น 2–3 มื้อต่อวัน
ไม่ควรให้อาหารเติมตลอดเวลา (Free feeding) โดยเฉพาะกับแมวอ้วนง่าย
แมวบางตัวกินอะไรก็ได้ แต่แมวบางตัว…ต้องการอาหารเฉพาะทาง!
เช่น แมวที่มีโรคไต ภูมิแพ้ หรือน้ำหนักเกิน
ตัวอย่างอาหารเฉพาะทาง:
สูตร Urinary: ป้องกันนิ่วและโรคกระเพาะปัสสาวะ
สูตร Renal: ช่วยลดภาระไต
สูตร Hairball: ลดก้อนขนอุดตัน
สูตร Indoor / Sterilised: สำหรับแมวบ้านหรือแมวทำหมัน
คำแนะนำ:
ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเปลี่ยนอาหารเฉพาะทาง
สังเกตขับถ่าย ขน และพฤติกรรมแมวหลังเปลี่ยนอาหารทุกครั้ง
แมวมีนิสัยไม่ชอบดื่มน้ำเพราะสืบสายเลือดมาจากสัตว์ทะเลทราย
แต่ร่างกายแมวยุคนี้ไม่ได้อยู่ในทะเลทรายครับ ต้องการน้ำไม่ต่างจากสัตว์อื่นเลย!
แมวควรดื่มน้ำวันละ:
40–60 ml/น้ำหนักตัว 1 กก. → แมวหนัก 4 กก. ควรดื่มน้ำประมาณ 200 ml/วัน
เทคนิคกระตุ้นให้แมวดื่มน้ำ:
ใช้ชามเซรามิก แสตนเลส (ไม่มีกลิ่นเหมือนพลาสติก)
วางหลายจุดทั่วบ้าน
ใช้น้ำพุแมว (แมวหลายตัวชอบน้ำไหลมากกว่าน้ำในชามนิ่งๆ)
ผสมน้ำเล็กน้อยในอาหารเปียก
ให้อาหารแมวไม่ใช่แค่เรื่องปริมาณ แต่เป็นเรื่อง “คุณภาพ + ความเหมาะสม”
ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน กินแบบไหน หรือสุขภาพแบบใด
ถ้าคุณเข้าใจแมวของคุณ คุณก็สามารถให้อาหารที่เหมาะกับเขาได้แบบมือโปร!
❝ให้แมวกินอย่างฉลาด ชีวิตเขาจะยืนยาว และคุณจะได้ทาสแมวไปอีกนาน❞
#อาหารแมว #ให้อาหารลูกแมว #แมวอ้วน #แมวกินยาก #สุขภาพแมว #Lazadogรู้ใจแมว
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com