รวม 5 ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง “พั๊กเกิ้ล” หมาลูกครึ่งขี้เล่น ขี้อ้อน เสียงดี และกินเก่งเวอร์
ถ้าคุณเคยลังเลว่าจะเลี้ยงหมาแบบขี้เล่นๆ สาย Beagle ดี หรือจะเอาหมาหน้าย่นขี้อ้อนอย่าง Pug ดีกว่า…
แสดงว่าคุณอาจกำลังมาถูกทางแล้วครับ เพราะ “Puggle (พั๊กเกิ้ล)” คือหมาลูกผสมที่รวมเอา พลังซนของบีเกิ้ล และ เสน่ห์กรนของปั๊ก มาไว้ในตัวเดียวกันแบบลงล็อกพอดีเป๊ะ!
แต่อย่าเพิ่งตกหลุมรักเพราะหน้าตาน่าฟัดอย่างเดียว เพราะน้องไม่ได้มีแค่ความแบ๊ว ยังมีความลุย ขี้เล่น และเสียงเห่าที่ดังกว่าที่คิด!
มาดูกันครับว่า 5 ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง Puggle มีอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะตกหลุมรักแบบถอนตัวไม่ขึ้น
Puggle เริ่มมีชื่อเสียงในสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงปี 1990 โดยตั้งใจผสมระหว่างพ่อพันธุ์ Beagle (หมานักล่ากลิ่นสุดพลัง) และแม่พันธุ์ Pug (หมาน่ารักหน้าย่นขี้อ้อน)
ผลที่ได้คือสุนัขขนาดเล็ก-กลาง ที่มีทั้งความกระฉับกระเฉง ขี้เล่น รักเจ้าของ และใบหน้าแบ๊วๆ แบบไม่มีใครเหมือน
น้ำหนัก: 7–13 กก.
ความสูง: 25–38 ซม.
อายุเฉลี่ย: 10–15 ปี
ขน: สั้น นุ่ม ไม่ต้องดูแลเยอะ
สี: น้ำตาล, ทอง, ขาว-ดำ, หรือมีลายแบบ Beagle
จุดเด่น: หูตก, หางงอ, หน้าย่นเบาๆ, ตาโตน่ารัก
ข้อมูลจาก PetMD: Puggle เป็นหนึ่งใน “Designer Dog” ที่ได้รับความนิยมสูงมากในอเมริกา เพราะรวมข้อดีของพ่อแม่พันธุ์ไว้หลายด้าน และเหมาะกับการเลี้ยงในครอบครัว
พั๊กเกิ้ลเป็นหมาที่ไม่ใช่สายหมานั่งเฉยๆ อยู่บนตักทั้งวันนะครับ
เขามีพลังซนแบบ Beagle ที่ชอบวิ่ง ชอบดม ชอบเห่า… แต่ก็มีมุมขี้อ้อน กอดเก่ง กินเก่ง และ “หัวดื้อเงียบๆ” แบบ Pug ผสมอยู่ด้วย
ต้องการออกกำลังกาย: 45–60 นาที/วัน
ชอบวิ่งไล่กลิ่น ดมสิ่งต่างๆ แบบไม่หยุด
เห่าง่าย โดยเฉพาะเวลาเจอคนแปลกหน้า
เข้ากับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่นได้ดีมาก
เคล็ดลับ: พาออกกำลังกายสม่ำเสมอ และใช้ของเล่นที่ต้องคิด เช่น Puzzle Feeder หรือเกมซ่อนขนม ช่วยให้เขาเหนื่อยแบบไม่ต้องวิ่งทั้งวัน
แม้ว่าขนของพั๊กเกิ้ลจะสั้น นุ่ม และไม่พันกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ร่วงนะครับ!
เพราะเขาร่วงแบบ “วันละนิดวันละหน่อยจนเต็มโซฟา” ถ้าไม่ดูแลขนอย่างสม่ำเสมอ บ้านอาจเต็มไปด้วยขนหมาแบบไม่รู้ตัว
แปรงขน 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ ด้วยแปรงขนนุ่ม
อาบน้ำทุก 4–6 สัปดาห์ หรือเมื่อซนเลอะ
เช็ดหูและตาให้สะอาด เพราะเป็นจุดสะสมเชื้อ
ตัดเล็บเดือนละ 1 ครั้ง และตรวจเหงือกบ่อยๆ
กลเม็ด: ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวก่อนนอนเบาๆ จะช่วยลดขนร่วงกระจายตามบ้าน และทำให้น้องรู้สึกอบอุ่นเหมือนสปาย่อมๆ
หนึ่งในนิสัยที่มาจากฝั่ง Beagle คือเสียงเห่าแบบ “มีพลัง” และเห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจ
แม้พั๊กเกิ้ลจะไม่ใช่หมาดุเลย แต่ก็อาจทำให้คนรอบข้าง (หรือเพื่อนบ้าน) ตกใจได้บ้าง ถ้าเขาเห่าตอนกลางคืน
เห่าเมื่อมีเสียงหรือสิ่งเร้าใหม่ๆ
บางตัวชอบเห่าเวลาเหงา หรือหิว
ถ้าฝึกไม่ดี อาจเห่าทุกครั้งที่อยากได้อะไร
วิธีรับมือ: ฝึกคำสั่ง “เงียบ” ตั้งแต่เล็ก, ใช้เสียงนุ่มๆ และให้รางวัลเมื่อหยุดเห่า
หลีกเลี่ยงการตะโกนกลับ เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้น้องคิดว่าคุณ “เห่าแข่ง!”
พั๊กเกิ้ลมีโอกาสได้รับปัญหาสุขภาพจากทั้ง Beagle และ Pug โดยเฉพาะโรคอ้วนและปัญหาหายใจ
เพราะน้องกินเก่งแต่ไม่ค่อยรู้จักคำว่า “อิ่ม” ถ้าไม่ควบคุมอาหารและออกกำลังสม่ำเสมอ อาจมีปัญหาสุขภาพได้ง่าย
โรคอ้วน (พบได้ในหมาผสมขนาดเล็กถึง 50%)
ปัญหาทางเดินหายใจ (จากพันธุ์ Pug)
โรคตา เช่น ตาแห้ง กระจกตาอักเสบ
โรคผิวหนังจากความชื้นบริเวณรอยย่น
แนะนำ:
ควบคุมอาหารให้เหมาะกับน้ำหนักและกิจกรรม
ตรวจสุขภาพทุก 6–12 เดือน
ใช้วิตามินเสริมบำรุงข้อหรือผิวหนังตามคำแนะนำสัตวแพทย์
Puggle (พั๊กเกิ้ล) คือหมาลูกครึ่งสายขี้เล่น ขี้อ้อน และเสียงดังพอประมาณ ที่เหมาะกับคนที่อยากมีเพื่อนหมาแบบลุยๆ กอดได้ เล่นได้ และมีมุมฮาๆ อยู่ทุกวัน
เขาอาจจะไม่ได้เรียบร้อยเหมือนหมาบางพันธุ์ แต่รับรองว่าเขาจะทำให้ทุกวันของคุณมีทั้งเสียงหัวเราะ ความอุ่นใจ และบางที...เสียงกรนตอนกลางคืน
ถ้าคุณพร้อมสำหรับหมาที่มีความหลากหลายทางอารมณ์ แต่มีหัวใจที่ซื่อสัตย์ 100% — พั๊กเกิ้ลคือหมาคู่หูที่ไม่ควรมองข้าม
#พั๊กเกิ้ลหมาขี้เล่นที่น่ากอด #Puggleหมาลูกครึ่งสุดอบอุ่น #หมาเสียงดีสายฮา #หมาผสมที่รักเจ้าของสุดใจ #Lazadogหมาสำหรับคนรักความซน
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com