5 ข้อควรรู้! ก่อนพาน้องหมาแมวเข้าโรงพยาบาล (ไม่ใช่แค่มีเตียงก็จบ) (อัปเดท 2025)

Apr 20, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
5 ข้อควรรู้! ก่อนพาน้องหมาแมวเข้าโรงพยาบาล (ไม่ใช่แค่มีเตียงก็จบ) (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

5 ข้อควรรู้! ก่อนพาน้องหมาแมวเข้าโรงพยาบาล (ไม่ใช่แค่มีเตียงก็จบ)

ถ้าคุณคิดว่าโรงพยาบาลสัตว์คือแค่ห้องให้น้องนอนรอดูอาการ...คุณกำลังมองข้ามอะไรบางอย่างไปครับ
เพราะ "สิ่งอำนวยความสะดวก" ในโรงพยาบาลสัตว์ที่ดี มีผลต่อการฟื้นตัวของน้องหมาแมวมากกว่าที่คุณคิด!

จากอุณหภูมิห้อง ระบบออกซิเจน ไปจนถึงการแยกโรคติดต่อ
รายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้แหละ ที่ทำให้น้องฟื้นตัวไว หรือทรุดลงโดยไม่รู้ตัว

วันนี้ผมจะพาคุณไปเจาะลึก 5 ข้อควรรู้ ก่อนฝากชีวิตของสัตว์เลี้ยงแสนรักไว้ในมือใคร!


1. ห้องพักสัตว์ต้องมีมาตรฐาน ไม่ใช่แค่กรงวางเรียงๆ กัน

โรงพยาบาลสัตว์ที่ดีควรมีห้องพักหรือกรงที่ออกแบบเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกของสัตว์
ไม่ใช่แค่กรงเรียงๆ ติดพัดลมธรรมดา

สิ่งที่ควรมี:

  • พื้นที่เพียงพอให้สัตว์ขยับตัว

  • พื้นไม่ลื่น และทำความสะอาดง่าย

  • อุณหภูมิควบคุมได้ (โดยเฉพาะหน้าร้อนของไทย)

  • ระบบกรองอากาศหรือระบายอากาศดี

“อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับแมวป่วยคือ 23–25°C และสุนัขคือ 22–26°C”
Companion Animal Clinical Practice, 2020

ข้อควรรู้:

  • แมวไม่ชอบกลิ่นแรง เสียงดัง ห้องพักที่มีเสียงเบาและแสงนวลช่วยลดความเครียด

  • ถ้าห้องพักแมวอยู่ใกล้กรงสุนัขขี้เห่า อาจทำให้น้องแมวไม่ยอมกินและฟื้นตัวช้า


2. ต้องมีการแยกสัตว์ติดโรคกับสัตว์ทั่วไป

เรื่องนี้สำคัญมากครับ โดยเฉพาะในกรณีของโรคติดต่อ เช่น พาร์โวในสุนัข หรือลิวคีเมียในแมว
โรงพยาบาลสัตว์ควรมีพื้นที่ “แยกโรค” ชัดเจน เช่น ห้องไอซอเลต (Isolation Room)
ไม่ใช่แค่กรงแยก แต่ต้องมีระบบอากาศแยกกันด้วย

สัญญาณว่าโรงพยาบาลมีมาตรฐานการแยกโรคที่ดี:

  • มีห้องแยกสัตว์ติดเชื้อ พร้อมป้ายชัดเจน

  • พนักงานใช้ชุดป้องกัน (PPE) เมื่อเข้า

  • อุปกรณ์ไม่ปะปนระหว่างห้อง

“การแยกโรคอย่างถูกต้องสามารถลดการแพร่เชื้อในโรงพยาบาลสัตว์ได้ถึง 80%”
Veterinary Infection Control Journal, 2021


3. ต้องมีระบบให้ออกซิเจน – โดยเฉพาะกรณีฉุกเฉิน

สัตว์ที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หัวใจ หรือแม้แต่ภาวะช็อก
อาจต้องใช้ออกซิเจนทันที
และที่น่าตกใจก็คือ โรงพยาบาลสัตว์บางแห่งในไทยไม่มีระบบให้ออกซิเจนแบบปลอดภัย

ระบบออกซิเจนที่ควรมี:

  • ห้องออกซิเจน (Oxygen Cage)

  • เครื่องให้ออกซิเจนแบบต่อสายจมูก

  • เครื่องตรวจออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximeter)

ข้อควรรู้:

  • สัตว์บางตัว เช่น พุดเดิ้ล หรือแมวสายพันธุ์หน้าสั้น มีความเสี่ยงหายใจลำบากมากกว่าสายพันธุ์อื่น

  • ห้องออกซิเจนแบบควบคุมความชื้นช่วยลดความเครียดขณะรักษา


4. มีระบบติดตามอุณหภูมิ-ชีพจร-ความดันแบบเรียลไทม์

การเฝ้าระวังอาการป่วยแบบละเอียดช่วยให้สัตวแพทย์ตัดสินใจเร็วขึ้น
และลดโอกาสเกิดภาวะวิกฤตแบบไม่ทันตั้งตัว

อุปกรณ์ที่ควรมีในห้องพักสัตว์ป่วยหนัก:

  • เครื่องวัดชีพจรและความดัน

  • เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายแบบต่อเนื่อง

  • กล้องวงจรปิดสำหรับดูอาการจากระยะไกล (ถ้าเป็น ICU)

  • บันทึกการให้ยาแบบดิจิทัล

“การเฝ้าสังเกตแบบเรียลไทม์สามารถช่วยลดการเสียชีวิตจากภาวะช็อกในสัตว์ป่วยหนักได้กว่า 45%”
Critical Care Vet Data, 2022


5. การดูแลด้วยใจและสายตา คือสิ่งที่เทคโนโลยีแทนไม่ได้

ต่อให้มีเครื่องไม้เครื่องมือดีแค่ไหน ถ้าพนักงานไม่มีเวลาเหลียวแล หรือสัตวแพทย์ไม่ตรวจประจำ
การนอนโรงพยาบาลของน้องหมาแมวก็แทบไม่ต่างจากอยู่ในกรงเปล่า

สิ่งเล็กๆ ที่ควรสังเกต:

  • พนักงานเวียนตรวจทุก 1–2 ชั่วโมง

  • มีการจดบันทึกอาการประจำวัน

  • เจ้าของสามารถโทรสอบถามอาการได้ทุกวัน

  • หากน้องมีภาวะพิเศษ เช่น โรคหัวใจ โรคไต ควรมีสัตวแพทย์เฉพาะทางดูแลร่วมด้วย


ก่อนตัดสินใจพาน้องหมาแมวเข้ารับการรักษา อย่าลืมถามว่าโรงพยาบาลมีอะไร “มากกว่ากรง”
เพราะ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี = โอกาสฟื้นตัวที่สูงขึ้น
และยิ่งคุณรู้ลึกเท่าไหร่ น้องหมาแมวก็จะปลอดภัยและหายไวมากขึ้นเท่านั้นครับ


❝โรงพยาบาลสัตว์ที่ดี…ไม่ได้วัดจากขนาดตึก แต่วัดจากคุณภาพของการดูแลที่อยู่ข้างใน❞


#โรงพยาบาลสัตว์มาตรฐาน #ฝากแมวไว้โรงพยาบาล #สัตว์ป่วยต้องดูแลพิเศษ #สิ่งอำนวยความสะดวกโรงพยาบาลสัตว์ #Lazadogรู้ใจสัตว์เลี้ยง


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts