ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ตื่นเช้ามาเห็นเจ้าหมายืนหาว ยิ้มเหงือกฟ้า แล้วกระดิกหางรัวๆ ทุกวัน
แสดงว่าคุณเข้าใจดีว่า...สุขภาพหมา = สุขภาพใจของทาสหมา
แต่รู้ไหมครับว่า การดูแลสุขภาพน้องหมา ไม่ได้มีแค่ “พาไปฉีดยาทุกปี” เท่านั้น
ยังมีอีกหลายเรื่องสำคัญที่คนรักหมาหลายคน “เผลอมองข้าม”
วันนี้ผมเลยขอรวบรวม 5 เคล็ดลับดูแลสุขภาพหมาแบบครบมุม ที่ไม่ยากแต่ได้ผลจริง
รับรองว่าไม่ต้องเป็นสัตวแพทย์ก็ทำให้หมาแข็งแรงได้!
หลายคนไม่กล้าเช็กสุขภาพหมาเอง เพราะคิดว่าต้องใช้เครื่องมือเยอะ
แต่ความจริงแค่ “ใช้ตาดู ใช้มือลูบ ใช้จมูกดม” ก็ช่วยเจอความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
จุดที่ควรเช็กเป็นประจำ:
ดวงตา ใส ไม่ขุ่น ไม่มีขี้ตาสีเขียว
ช่องหู ไม่เหม็น ไม่แดง ไม่มีขี้หูสีเข้ม
ผิวหนัง ไม่มีตุ่ม ผื่น หรือขนร่วงเป็นหย่อม
เหงือกสีชมพู ไม่ซีด ไม่แดง
น้ำหนักคงที่ ไม่ผอม/อ้วนผิดปกติ
เคล็ดลับ:
จดบันทึกสุขภาพทุกครั้งที่สังเกต เพื่อเปรียบเทียบย้อนหลังในแต่ละเดือน
การให้อาหารที่ดีไม่ใช่แค่เลือกยี่ห้อแพงๆ แล้วคิดว่าหมาจะดีเอง
เพราะแต่ละสายพันธุ์ วัย และสุขภาพพื้นฐาน ต้องการสารอาหารต่างกัน
ข้อมูลจาก Pet Food Institute:
พบว่าหมาสายพันธุ์เล็กต้องการพลังงานมากกว่าหมาพันธุ์ใหญ่ ต่อน้ำหนักตัว ถึงเกือบ 2 เท่า
ในขณะที่หมาสูงวัยต้องการโปรตีนมากขึ้นเพื่อชะลอการเสื่อมของกล้ามเนื้อ
คำแนะนำ:
ตรวจสอบฉลากโภชนาการให้เหมาะกับช่วงวัย
ควบคุมปริมาณตามน้ำหนัก ไม่ให้มากหรือน้อยเกิน
อย่าเปลี่ยนอาหารกะทันหัน ควรผสมค่อยเป็นค่อยไปใน 7 วัน
การพาหมาเดินเล่นหรือเล่นกับเจ้าของเป็นการออกกำลังกายที่ดี
แต่หมาแต่ละตัวไม่ควรออกแรงเท่ากัน เช่น ปอมเมอเรเนียนไม่ควรวิ่ง 5 กม. เหมือนลาบราดอร์
ข้อมูลจาก American Veterinary Medical Association (AVMA):
แนะนำให้หมาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที โดยแบ่งเป็นการเดิน วิ่ง หรือเล่นแบบกระตุ้นสมอง
เทคนิคเสริม:
หมาสูงวัยให้เล่นเกมดมกลิ่นแทนวิ่ง
หมาวัยกำลังโตพาเดินขึ้น–ลงเนินเบาๆ ช่วยเรื่องขาและสะโพก
ถึงหมาจะอยู่แต่ในบ้าน ก็ไม่ใช่ว่าจะรอดจากพยาธิหรือโรคติดต่อ
เห็บหมัด ไวรัส หรือพยาธิหัวใจสามารถมาตามเสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่ยุงได้
ข้อมูลจากสมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการไทย (VPAT):
แนะนำให้ฉีดวัคซีนหลัก เช่น พิษสุนัขบ้า ไข้หัด หัดเลือด ปีละครั้ง
และให้ยากันพยาธิหัวใจทุกเดือน หรือทุก 3 เดือนตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
ข้อควรรู้:
ควรบันทึกวันรับวัคซีนและยาทุกครั้ง เพื่อกันลืมหรือขาดช่วงการป้องกัน
อย่ารอให้หมาแสดงอาการก่อนถึงพาไปหาหมอ
เพราะโรคหลายอย่าง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือไตวาย มักเงียบและแสดงอาการเมื่อรุนแรงแล้ว
ข้อมูลจากโรงพยาบาลสัตว์จุฬาฯ:
แนะนำให้หมาอายุเกิน 7 ปี ตรวจเลือดและตรวจร่างกายอย่างละเอียดทุกปี
เพื่อดูค่าตับ ไต น้ำตาล ไขมัน และความสมบูรณ์ของเลือด
เคล็ดลับ:
วางแผนตรวจพร้อมฉีดวัคซีนในวันเดียวกัน ลดความเครียดให้หมา และสะดวกกับเจ้าของ
สุขภาพดีของหมาไม่ใช่แค่ “ไม่ป่วย” แต่คือการดูแลแบบองค์รวม
ทั้งอาหาร การออกกำลังกาย การตรวจประจำปี และการใช้ชีวิตในบ้านที่ปลอดภัย
คุณไม่ต้องเก่งเหมือนหมอ แต่แค่เป็นเจ้าของที่หมั่นสังเกต และพร้อมดูแลด้วยความเข้าใจ
คุณก็จะได้เห็นเจ้าหมาของคุณกระดิกหางไปจนถึงวัยเกษียณอย่างมีความสุข
“ดูแลหมาไม่ใช่เรื่องยุ่ง
แค่ใส่ใจในแต่ละวัน
หมาจะอยู่กับคุณ
อย่างแข็งแรงและสุขใจได้นานที่สุด”
#วิถีทาสหมา #หมาแข็งแรงเจ้าของก็แฮปปี้ #ดูแลสุขภาพหมา #ตรวจสุขภาพหมา #Lazadogรู้ใจหมา
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com