เผย 5 ข้อมูลเชิงลึก! ความดันโลหิตในแมว สำคัญกว่าที่คุณคิด
ใครจะไปคิดครับว่า “ความดัน” ที่เรามักนึกถึงแต่ผู้สูงอายุหรือมนุษย์วัยทำงาน
จริงๆ แล้วแมวก็มี และยังสำคัญไม่แพ้กันเลยด้วย!
แมวอาจจะไม่บ่นว่า “หน้ามืดตาลาย” หรือ “หัวใจเต้นแรง” แบบคน
แต่เมื่อความดันโลหิตผิดปกติ มันสามารถสร้างปัญหาใหญ่ให้กับไต หัวใจ ดวงตา และสมองของแมวได้โดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความดันโลหิตของแมว จากแนวทางของ International Cat Care (iCatCare)
ที่บอกเลยว่า ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนนี้…แมวของคุณจะขอบคุณไปตลอดชีวิตครับ
ใช่ครับ! แมวก็มีค่าความดันเหมือนคน และสามารถวัดได้ด้วยเครื่องเฉพาะ
และถ้าเกินกว่านี้ แมวอาจเสี่ยงโรคแบบเงียบๆ โดยที่เจ้าของไม่ทันสังเกต
ความดันโลหิต Systolic (ค่าบน) ของแมวปกติอยู่ที่ 120–140 mmHg
หากเกิน 160 mmHg ถือว่าเป็น “ภาวะความดันสูงในแมว”
ถ้าเกิน 180 mmHg มีความเสี่ยงสูงต่อการแตกของหลอดเลือดในตา หรือไตเสื่อมอย่างเฉียบพลัน
ข้อควรรู้: แมวที่มีภาวะความดันสูงอาจ “ไม่แสดงอาการ” ใดๆ เลย
การวัดความดันเป็นประจำโดยเฉพาะในแมวสูงวัยจึงสำคัญมาก
โรคไตในแมวคือเรื่องใหญ่อยู่แล้ว แต่ถ้ามีความดันสูงแถมเข้าไปอีก ก็ยิ่งเร่งการเสื่อมของไตให้ไวขึ้นไปอีก
1 ใน 3 ของแมวที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคไตเรื้อรังมีภาวะความดันสูงแฝง
ความดันสูงเร่งการทำลายของหน่วยกรองไต (Nephrons)
หากไม่จัดการ อัตราการเสื่อมของไตอาจเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า
เคล็ดลับ:
แมวที่เป็นโรคไตอยู่แล้วควรตรวจความดันโลหิตทุก 3–6 เดือน
หากตรวจพบเร็วสามารถเริ่มควบคุมด้วยยาเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อันนี้อาจฟังดูน่ากลัว...แต่มันเกิดขึ้นจริงครับ โดยเฉพาะกับแมวสูงวัย
ความดันสูงทำให้หลอดเลือดที่จอประสาทตาแตก และส่งผลให้ตาบอดทันที
พบว่า 50–60% ของแมวที่ตาบอดเฉียบพลันมีค่าความดันเกิน 180 mmHg
หากพบเร็วและควบคุมได้ บางรายสามารถฟื้นการมองเห็นได้ جز
ข้อควรรู้: หากแมวมีพฤติกรรมชนของ เดินหลง หรือตาเบิกโพลงโดยไม่มีแสงสะท้อน แนะนำให้รีบตรวจความดันโลหิตทันที
แมวหลายตัวกลัวการไปหาหมอเพราะกลัว “เข็ม”
แต่การวัดความดันนั้นไม่เจ็บ ไม่ต้องเจาะเลือด และแมวส่วนใหญ่ยอมให้ทำได้ง่ายกว่าที่คิด
ใช้เครื่องวัดแบบ Doppler หรือ Oscillometric โดยพันสายรัดรอบขาหน้าหรือหาง
ใช้เจลแทนการโกนขน ช่วยลดความเครียดให้แมว
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 3–5 นาที และไม่ต้องดมยาสลบ
เคล็ดลับ:
ก่อนวัด ควรให้แมวอยู่ในห้องเงียบๆ อย่างน้อย 10–15 นาทีเพื่อลดความตื่นเต้น
หากวัดซ้ำควรใช้ค่าเฉลี่ยจาก 5 ครั้งขึ้นไปเพื่อความแม่นยำ
อายุเยอะ = ความเสี่ยงมากขึ้น
โดยเฉพาะในแมวที่มีโรคไต ต่อมไทรอยด์ หรือโรคหัวใจ ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับภาวะความดันสูง
แมวที่อายุ 7 ปีขึ้นไป มีโอกาสเกิดความดันสูงโดยไม่มีอาการมากถึง 29%
หากมีโรคไตหรือไทรอยด์ร่วมด้วย โอกาสเพิ่มเป็น 40–55%
การตรวจความดันเป็นประจำสามารถช่วยยืดอายุแมวได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อควรรู้: หากแมวของคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรเพิ่มการตรวจเป็นทุก 6 เดือน
ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาควบคุมความดันที่เหมาะกับแมวโดยเฉพาะ
แมวอาจจะไม่พูด…แต่ค่าความดันคือภาษาที่ร่างกายเขาใช้สื่อสารกับเรา
และถ้าเรารู้จักวัด ฟัง และใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ เราก็จะสามารถช่วยให้น้องมีชีวิตที่สุขภาพดีและอยู่กับเราไปอีกนาน
ความดันแมว…วัดได้ ดูแลได้ ป้องกันได้ ไม่ต้องรอให้สายครับ
#ความดันแมวสำคัญไม่แพ้คน #วัดความดันแมวรู้ทันโรค #แมวตาบอดเฉียบพลันไม่ใช่เรื่องไกลตัว #แมวสูงวัยต้องดูแลดีกว่าเดิม #Lazadogห่วงใยแมวทุกจังหวะหัวใจ
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com