เผย 5 ข้อมูลเชิงลึก! แมวจรในไทยมาจากไหนกันแน่ (และจะหยุดวงจรนี้ได้ยังไง?)

เคยสงสัยไหมครับว่า...
ทำไมเราเห็นแมวเดินอยู่ข้างถนนแทบทุกที่ — บ้างนอนบนรถ บ้างซ่อนในใต้ถุน หรือโผล่มาเงียบๆ ตอนเรากินหมูกระทะหน้าบ้าน

หลายคนคิดว่า “แมวจรก็คือแมวป่าเกิดมาแบบนั้น”
แต่ความจริงแล้ว “แมวไม่มีเจ้าของ” หลายตัวเคยเป็นแมวบ้านมาก่อน!

วันนี้ผมจะพาไปรู้จักเบื้องหลังที่หลายคนไม่เคยรู้ว่า
แมวจรในเมืองไทยมาจากไหน?
และที่สำคัญกว่านั้นคือ... เราทำอะไรได้บ้างเพื่อหยุดวงจรแมวไร้บ้านนี้?

1. 60% ของแมวจรในไทยมาจาก "แมวบ้าน" ที่เจ้าของเลิกเลี้ยง

จากรายงานของ World Animal Protection – Thailand ระบุว่า

“แมวจรในประเทศไทยกว่า 60% เคยมีเจ้าของมาก่อน แต่ถูกปล่อยเพราะเจ้าของไม่สามารถดูแลต่อได้”

เหตุผลยอดฮิตที่เจ้าของปล่อยแมว เช่น:

• ย้ายหอ/ย้ายบ้าน แล้วห้ามเลี้ยงสัตว์

• แมวมีพฤติกรรมรบกวน เช่น ฉี่ไม่เป็นที่ กัดเฟอร์นิเจอร์

• ภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถจ่ายค่าดูแลแมวได้

• “เลี้ยงเพราะตามกระแส” แล้วพบว่าไม่เข้ากัน

ข้อควรรู้:
แมวที่ถูกปล่อยมีความเครียดสูง และมีโอกาสติดเชื้อในช่วง 2 สัปดาห์แรกถึง 70% เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลงกะทันหัน

2. แมวไม่ได้ทำหมัน = เครื่องผลิตแมวจรอัตโนมัติ

แมว 1 ตัวที่ไม่ได้ทำหมัน อาจดูไม่มีพิษภัย
แต่รู้ไหมครับว่า...

"ในเวลาเพียง 7 ปี แมวตัวเดียวอาจมีลูกหลานรวมกันมากกว่า 420,000 ตัว หากไม่มีการทำหมัน" – ข้อมูลจาก Humane Society International

ตารางการขยายพันธุ์ (โดยเฉลี่ย):

• แมวตัวเมียเริ่มเป็นสัดได้ตั้งแต่ 4 เดือน

• ตกลูกได้ 3 ครั้ง/ปี

• ครั้งละ 4–6 ตัว

ถ้ารอบแรกไม่ได้ทำหมัน พอถึงปีที่สอง... เหล่าลูกแมวก็พร้อมมีลูกเองต่ออีกทันที!

เคล็ดลับ:
ทำหมันแมวตั้งแต่อายุ 4–6 เดือน ช่วยหยุดวงจรได้จริง และไม่มีผลเสียต่ออารมณ์แมวเลยครับ

3. แมวบางตัว "ไม่ได้จร" แต่หลงทางแล้วหาทางกลับบ้านไม่ได้

ในบางกรณี แมวที่เราเห็นอยู่ริมถนน… อาจเป็นแมวบ้านที่หลงทาง!
โดยเฉพาะแมวที่ไม่เคยออกจากบ้านมาก่อน แล้วเผลอวิ่งออกไปตอนเปิดประตู หรือโดนคนปล่อยเพราะคิดว่ามัน "หาทางกลับได้"

ข้อมูลจาก PetHub & Missing Pet Partnership:

“กว่า 36% ของแมวที่หายออกจากบ้านจะไม่มีวันกลับมา เพราะไม่มีปลอกคอ ไม่มีไมโครชิป และไม่มีใครช่วยสังเกตว่าเป็นแมวหาย”

ข้อแนะนำสำหรับเจ้าของแมว:

• ติดป้ายชื่อ + เบอร์โทรบนปลอกคอ

• ฝังไมโครชิปหากเลี้ยงระบบเปิด

• ไม่ควรปล่อยแมวออกจากบ้านโดยไม่มีการควบคุม (โดยเฉพาะในเมือง)

4. กลุ่มแมวจรที่อยู่ร่วมกันเรียกว่า “แมวชุมชน” และอาจถูกขับไล่ถ้าจำนวนเพิ่มเร็วเกิน

บางชุมชนมีแมวจรที่ผู้อยู่อาศัยดูแลร่วมกัน เช่น ให้อาหาร ทำบ้านกระดาษ หรือพาไปรักษา
แต่เมื่อจำนวนแมวเพิ่มเกินจุดที่ควบคุมได้... ก็กลายเป็นปัญหา เช่น กลิ่น ปัสสาวะ เสียงร้องตอนดึก หรือการต่อสู้กันเอง

ข้อมูลจากงานวิจัย iCatCare ปี 2022:

“ชุมชนที่ใช้แนวทาง TNR (จับ-ทำหมัน-ปล่อยคืน) อย่างต่อเนื่อง 2 ปี จำนวนแมวจรลดลงเฉลี่ย 45% และความขัดแย้งลดลง 60%”

ข้อควรรู้:
แมวชุมชนที่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมจะมีอายุยืนกว่าแมวจรทั่วไปถึง 3 ปี และมีพฤติกรรมสงบกว่าด้วย

5. การให้แมวแบบ “แจกฟรี” โดยไม่คัดกรอง อาจทำให้แมวกลับมาจรอีกครั้ง

โพสต์แจกแมวฟรีในโซเชียลอาจดูใจดี
แต่ถ้าไม่ตรวจสอบผู้รับเลี้ยงให้ดี แมวเหล่านี้อาจ…

• ถูกปล่อยหลังจาก “หมดความน่ารัก”

• ถูกขายต่อ หรือถูกเลี้ยงแบบไม่เหมาะสม

• กลายเป็นแมวจรในรุ่นต่อไป หากไม่ได้ทำหมัน

เคล็ดลับ:
หากต้องหาบ้านให้แมว:

• ขอข้อมูลเบื้องต้นของผู้รับเลี้ยง เช่น ที่อยู่ ประสบการณ์เลี้ยงสัตว์

• แนะนำการทำหมัน และแจ้งให้ทำภายในระยะเวลาหนึ่ง

• ใช้ช่องทางที่มีการตรวจสอบ เช่น เพจหาบ้านที่มีแอดมินดูแล

แมวจรที่คุณเห็นตามถนน... ส่วนใหญ่เคยมี “จุดเริ่มต้นในบ้าน” มาก่อน
และสิ่งที่ทำให้พวกเขากลายเป็นแมวไม่มีเจ้าของ ก็คือ “ความไม่พร้อมของมนุษย์” นั่นเอง

จะดีกว่าไหม... ถ้าเราหยุดวงจรนี้ตั้งแต่วันนี้
เริ่มต้นจากแมวของคุณเอง → ทำหมัน → ดูแลให้ปลอดภัย → ช่วยส่งต่อความรู้ให้คนรอบข้าง
เพราะเมื่อเราเปลี่ยน แมวอีกหลายชีวิตก็จะเปลี่ยนไปด้วย

#แมวจรไม่ใช่เรื่องบังเอิญ #แมวหลงทางก็มีหัวใจ #หยุดแมวจรเริ่มจากบ้านคุณ #Lazadogรักแมวทุกชีวิต #แมวไม่ใช่ของเล่น

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com