เปิด 5 สถิติน่ารู้ “โรคแอดดิสันในหมา” อ่อนแรงเรื้อรังหรือแค่ขี้เกียจ ต้องรู้ให้ชัด! (อัปเดท 2025)

Apr 17, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
เปิด 5 สถิติน่ารู้ “โรคแอดดิสันในหมา” อ่อนแรงเรื้อรังหรือแค่ขี้เกียจ ต้องรู้ให้ชัด! (อัปเดท 2025)

เปิด 5 สถิติน่ารู้ “โรคแอดดิสันในหมา” อ่อนแรงเรื้อรังหรือแค่ขี้เกียจ ต้องรู้ให้ชัด!

คุณเคยเจอน้องหมาที่จู่ๆ ก็ซึม ไม่กินข้าว เหมือนไม่มีแรง แต่พอพาไปหาหมอเจาะเลือดก็ไม่เจออะไรชัดๆ ใช่ไหมครับ?
บางทีคำตอบอาจไม่ใช่แค่ "เครียด" หรือ "ไม่สบายชั่วคราว"
แต่เป็นโรคเงียบที่เรียกว่า Addison’s Disease ซึ่งพบได้แม้ในหมาสุขภาพดีมาก่อนหน้านั้นก็ตาม

วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับโรคแอดดิสันในหมา พร้อมแนวทางการสังเกต ป้องกัน และการดูแลน้องหลังวินิจฉัยครับ!


1. โรคแอดดิสันในหมา “พบในอัตราประมาณ 0.1%” แต่ถ้าเป็นแล้ว ต้องรักษาตลอดชีวิต

แม้โรคนี้จะพบไม่บ่อยนัก แต่ก็เป็นหนึ่งในโรคระบบต่อมไร้ท่อที่อันตรายที่สุดในหมา
เพราะเมื่อ ต่อมหมวกไตไม่สามารถผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลและแอลโดสเตอโรนได้เพียงพอ จะทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้ทันที

หมากลุ่มเสี่ยง:

  • พันธุ์พุดเดิ้ล, โปรตุเกสวอเตอร์ด็อก, ลาบราดอร์

  • หมาเพศเมีย วัย 2–6 ปี พบมากที่สุด

ข้อควรรู้: เจ้าของต้องสังเกตพฤติกรรมของน้องอย่างใกล้ชิด เพราะอาการคลุมเครือและตรวจเลือดทั่วไปอาจไม่พบในระยะแรก


2. อาการแอดดิสัน “กว่า 70% เริ่มจากความผิดปกติเล็กๆ เช่น ซึม อ่อนแรง ไม่อยากอาหาร”

ความน่ากลัวของโรคนี้คือมันแฝงตัวด้วยอาการที่ดูธรรมดามากๆ เช่น หมาซึม เดินช้า อาเจียนบ้างเป็นครั้งคราว
ทำให้เจ้าของส่วนใหญ่มองข้าม จนกว่าน้องจะเข้าสู่ วิกฤตแอดดิสัน (Addisonian Crisis) ซึ่งอันตรายถึงชีวิต

สัญญาณอันตรายที่ต้องระวัง:

  • อ่อนแรงทันที ไม่มีแรงลุก

  • อาเจียน ถ่ายเหลว

  • หัวใจเต้นช้า

  • ลิ้นซีด เหงือกขาว

  • ตัวเย็น มือเย็น

เทคนิค: ถ้าหมามีอาการเหล่านี้พร้อมกัน 2 ข้อขึ้นไป รีบพาไปหาสัตวแพทย์ทันที อย่ารอดูอาการครับ!


3. การวินิจฉัยโรคแอดดิสัน “ต้องใช้การตรวจเฉพาะที่เรียกว่า ACTH Stimulation Test”

การตรวจเลือดทั่วไปอาจไม่สามารถยืนยันการเป็นโรคแอดดิสันได้
สัตวแพทย์จะใช้การตรวจ ACTH stimulation test ซึ่งเป็นการกระตุ้นต่อมหมวกไตและวัดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลเพื่อตรวจสอบว่าต่อมทำงานได้หรือไม่

ข้อควรรู้:

  • ค่าใช้จ่ายในการตรวจเฉพาะทางนี้อาจสูง (2,000–4,000 บาท ขึ้นอยู่กับคลินิก)

  • ต้องงดกินยากลุ่มสเตียรอยด์ล่วงหน้าก่อนตรวจ

  • ถ้าผลชัดเจน จะต้องเริ่มการรักษาทันที

เทคนิค: ถ้าหมาเคยมีประวัติรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ ต้องแจ้งสัตวแพทย์ทุกครั้งก่อนตรวจครับ


4. การรักษาโรคแอดดิสัน “ทำให้น้องหมาใช้ชีวิตปกติได้ถึง 95%” ถ้าควบคุมดี

หลังได้รับการวินิจฉัย หมาจะต้องรับฮอร์โมนทดแทนทั้งในกลุ่มคอร์ติซอลและแอลโดสเตอโรน
เช่น การใช้ยา Fludrocortisone หรือ DOCP injections ร่วมกับยาสเตียรอยด์ในขนาดต่ำ
หากให้ยาและตรวจเลือดตามกำหนด น้องจะสามารถกลับมามีชีวิตปกติได้เหมือนเดิมเลยครับ!

การดูแลระยะยาว:

  • ตรวจเลือดทุก 1–3 เดือน

  • ปรับยาตามฤดูกาลและความเครียด

  • ห้ามหยุดยาเอง

  • ให้เจ้าของเรียนรู้การสังเกตอาการเสี่ยง

ข้อควรรู้: ช่วงที่หมาเจอความเครียด เช่น เดินทาง ผ่าตัด หรือเจออากาศเปลี่ยน ควรปรับโดสยาตามคำแนะนำสัตวแพทย์


5. เจ้าของ 100% ที่ดูแลหมาแอดดิสันได้ดี “ต้องเรียนรู้เรื่องโรคนี้แบบเข้าใจจริง”

เพราะโรคแอดดิสันคือโรค “ต้องดูแลตลอดชีวิต” ไม่ใช่โรคที่หายขาด
เจ้าของจำเป็นต้องเข้าใจทั้งเรื่องยา สัญญาณเตือน และการจัดการกับชีวิตประจำวันให้เหมาะกับน้องหมา

เครื่องมือช่วยเจ้าของ:

  • แอปจดบันทึกอาการ

  • ตารางกินยา + วันตรวจเลือด

  • กล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  • สมุดบันทึกสุขภาพหมาเฉพาะทาง

เทคนิค: ขอให้คุณหมอช่วยอธิบายให้เข้าใจด้วยภาพ หรือขอคู่มือเจ้าของหมาโรคแอดดิสันไปอ่านเพิ่มเติม


“โรคแอดดิสันในหมา” ไม่ได้พบง่าย แต่ถ้าเป็นแล้วคือเรื่องใหญ่ครับ
เพราะถ้าเจ้าของไม่รู้ทัน อาการอาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สุดท้ายอาจเข้าสู่วิกฤตเฉียบพลันที่อันตรายถึงชีวิต
แต่ข่าวดีคือ ถ้ารู้เร็ว วินิจฉัยเร็ว และให้ยาต่อเนื่อง — น้องหมาสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติแบบสดใสได้เลยครับ!


#หมาซึมต้องระวังแอดดิสัน #รู้ทันโรคต่อมหมวกไตในหมา #AddisonsDiseaseในหมา #หมาอ่อนแรงไม่ใช่เรื่องเล่น #Lazadogเข้าใจโรคซับซ้อนของน้องหมา


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts