เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ภาวะสมองเสื่อมในน้องหมา” พฤติกรรมเปลี่ยนไม่ใช่แค่แก่ แต่อาจกำลังขอความช่วยเหลืออยู่เงียบๆ

เมื่อหมาเริ่มแก่ขึ้น พฤติกรรมบางอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
บางตัวดูนิ่งขึ้น บางตัวเริ่มลืมชื่อ บางตัวถึงขั้นเห่าใส่พัดลมอย่างจริงจัง
หลายคนเข้าใจว่า “ก็หมาแก่นี่นา…” แต่รู้ไหมครับว่า อาการเหล่านี้อาจเป็น ภาวะสมองเสื่อมในสุนัข (Canine Cognitive Dysfunction หรือ CCD)
ซึ่งคล้ายกับอัลไซเมอร์ในคน และสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ถ้ารู้เร็ว

วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมในน้องหมา
เพื่อช่วยให้เจ้าของเข้าใจน้องมากขึ้น และวางแผนดูแลอย่างเหมาะสมครับ!

1. 28% ของน้องหมาอายุ 11–12 ปีขึ้นไป “มีภาวะสมองเสื่อมในระดับหนึ่ง”

จากงานวิจัยของ University of Sydney (2022)
พบว่าเกือบ 1 ใน 3 ของสุนัขสูงวัยเริ่มแสดงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของสมอง
และเมื่ออายุถึง 15 ปี ตัวเลขนี้เพิ่มเป็น 68%

พฤติกรรมที่พบบ่อย:

• เดินวน ไม่มีจุดหมาย

• ลืมทางกลับที่นอน

• ยืนจ้องผนังหรือตู้เย็น

• นอนตอนกลางวัน ตื่นมาหอนตอนกลางคืน

ข้อควรรู้: พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่ความดื้อหรือความเคยชิน แต่คือ “การสื่อสารผ่านอาการ” ครับ

2. หมาเพศเมีย “มีแนวโน้มเกิดภาวะสมองเสื่อมมากกว่าเพศผู้ 1.5 เท่า”

จากการศึกษาของ American College of Veterinary Internal Medicine (ACVIM)
พบว่าเพศเมีย โดยเฉพาะที่ไม่ได้ทำหมัน มีแนวโน้มเกิดความเสื่อมของระบบประสาทเร็วกว่า
ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและอัตราการเปลี่ยนแปลงของสมองในวัยชรา

กลเม็ด:

• หมั่นสังเกตพฤติกรรมแปลกๆ ในหมาเพศเมียหลังอายุ 8 ปี

• ตรวจสุขภาพประจำปี + ปรึกษาเรื่องโภชนาการบำรุงสมอง

• หากมีอาการ แนะนำให้พบหมอเฉพาะทางพฤติกรรมสัตว์

ข้อควรรู้: การวางแผนทำหมันในช่วงวัยเหมาะสมสามารถลดปัจจัยเสี่ยงหลายด้านได้ครับ

3. 6 ใน 10 ของเจ้าของ “เข้าใจผิดว่าอาการสมองเสื่อมคือแค่อาการแก่ตามวัย”

เจ้าของส่วนใหญ่ไม่สังเกตว่าอาการเหล่านี้คือความผิดปกติ จนกระทั่งพฤติกรรมรุนแรงขึ้น
บางบ้านปล่อยให้หมาเดินวนอยู่หลายเดือน หรือคิดว่า "คงเบื่อเฉยๆ"
แต่จริงๆ แล้ว นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเริ่มรักษา

วิธีสังเกตเบื้องต้น:

ใช้สูตรจำง่าย DISHA

• D: Disorientation (สับสน เดินหลงทาง)

• I: Interaction changes (เปลี่ยนพฤติกรรมกับคน/สัตว์)

• S: Sleep-wake cycle (นอนไม่เป็นเวลา)

• H: House soiling (ฉี่/อึผิดที่)

• A: Activity changes (ลดกิจกรรม/เดินวน)

เทคนิค: จดพฤติกรรมเหล่านี้พร้อมวัน-เวลา เพื่อให้หมอวินิจฉัยง่ายและแม่นขึ้นครับ

4. อาหารเสริมบำรุงสมอง “สามารถชะลออาการ CCD ได้ถึง 30–40%” ถ้าเริ่มในช่วงแรก

จากผลการทดลองของ WALTHAM Petcare Science Institute
การให้กรดไขมันโอเมก้า 3, วิตามินอี, B-complex และสารต้านอนุมูลอิสระ (เช่น แอล-คาร์นิทีน, SAMe)
ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเซลล์สมองและลดภาวะอักเสบในสมองสุนัขสูงวัย

เคล็ดลับอาหาร:

• ใช้สูตรอาหารสำหรับหมาสูงวัยโดยเฉพาะ

• เสริมด้วยอาหารเสริมตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

• หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง เพราะทำให้ระบบประสาททำงานช้าลง

ข้อควรรู้: อาหารคือยาในทุกมื้อครับ โดยเฉพาะกับน้องหมาสูงวัยที่ระบบการฟื้นตัวเริ่มช้าลง

5. การเล่น-ฝึกสมองวันละ 10 นาที “ช่วยกระตุ้นสมองน้องหมาได้ดีเท่ากับกินอาหารเสริม”

จากข้อมูลของ Dog Cognition Centre at Duke University
กิจกรรมง่ายๆ เช่น ซ่อนขนมไว้ให้น้องดม, สลับของเล่น, หรือฝึกคำสั่งเบื้องต้น
สามารถกระตุ้นสมองส่วนความจำและความเข้าใจให้ทำงานดีขึ้นได้ต่อเนื่อง

วิธีฝึกกระตุ้นสมอง:

• เล่นของเล่นปริศนา

• ฝึกคำสั่งง่ายๆ สลับกันทุกวัน (นั่ง, คอย, มาหา)

• เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ ช่วยลดความเครียด

• เปลี่ยนเส้นทางเดินเล่นบ้าง ให้มีสิ่งกระตุ้นใหม่ๆ

เทคนิค: หมาที่สมองยังได้ใช้งานทุกวัน จะเสื่อมช้ากว่าหมาที่ “นอนเฉยๆ รอข้าว” อย่างมีนัยสำคัญครับ

ภาวะสมองเสื่อมในน้องหมาไม่ใช่จุดจบของความสุขในวัยชรา
แต่คือช่วงเวลาที่เราต้อง “เข้าใจเขาให้มากกว่าที่เคย”
ยิ่งคุณสังเกตได้เร็ว รับมือได้ไว และปรับการดูแลให้เหมาะสม
คุณก็จะเห็นว่า... หมาแก่ไม่ใช่หมาเศร้า แต่เป็นหมาที่แค่อยากมีใครเข้าใจเขาอีกนิดครับ

#หมาแก่แต่ใจยังแจ๋ว #ภาวะสมองเสื่อมในหมา #รู้ทันก่อนพฤติกรรมเปลี่ยน #เข้าใจน้องหมาทุกวัย #Lazadogห่วงใยน้องหมาสูงวัย

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com