เปิด 5 สถิติน่ารู้ “มะเร็งต่อมในผิวหนังสุนัข” (Adenocarcinoma) เม็ดเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม (อัปเดท 2025)

Apr 17, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
เปิด 5 สถิติน่ารู้ “มะเร็งต่อมในผิวหนังสุนัข” (Adenocarcinoma) เม็ดเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม (อัปเดท 2025)

เปิด 5 สถิติน่ารู้ “มะเร็งต่อมในผิวหนังสุนัข” (Adenocarcinoma) เม็ดเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

เคยลูบน้องหมาแล้วเจอ “ตุ่มเล็กๆ ใต้ผิวหนัง” แล้วคิดว่า "น่าจะเป็นสิวหมาแหละ เดี๋ยวก็คงหาย" ไหมครับ?
แต่รู้ไหมว่าก้อนเนื้อนั้นอาจไม่ใช่แค่ตุ่มธรรมดา เพราะมันอาจเป็น มะเร็งผิวหนังประเภท Adenocarcinoma
โรคที่เจอได้ในหมาทุกวัย โดยเฉพาะในหมาโตเต็มวัยหรือสูงวัย และถ้ารู้ช้า... โอกาสรักษาหายอาจลดลงอย่างน่าเสียดาย

วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับมะเร็งต่อมในผิวหนังสุนัข (Adenocarcinoma of the Skin)
เพื่อให้เจ้าของมือใหม่–มือเก๋า รู้ทัน รักษาไว และช่วยให้น้องหมาของคุณมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพครับ!


1. พบมะเร็งต่อมในผิวหนังในสุนัข “ราว 3–5% ของมะเร็งทั้งหมดในหมา”

จากข้อมูลของ Veterinary Cancer Society พบว่า
แม้มะเร็งชนิดนี้จะไม่ได้เจอบ่อยเท่ามะเร็งเต้านมหรือมะเร็งม้าม
แต่ก็ถือว่าเป็นมะเร็งที่มีแนวโน้ม “โตช้าแต่แพร่กระจายได้” หากไม่ตัดออกทันเวลา

พื้นที่ที่มักพบ:

  • ต่อมในรูขุมขน

  • ต่อมขับไขมัน (sebaceous gland)

  • ต่อมขับกลิ่นบริเวณทวาร (anal sac adenocarcinoma)

ข้อควรรู้: มะเร็งประเภทนี้บางชนิดไม่เจ็บ ไม่แดง ไม่มีอาการ จึงยิ่งต้องหมั่นคลำตัวน้องหมาบ่อยๆ


2. 80% ของเจ้าของ “เข้าใจผิดว่าก้อนเนื้อเป็นไฝ หรือซีสต์”

เพราะหน้าตาของก้อนมะเร็งต่อมในผิวหนังมักจะคล้ายกับก้อนไขมันหรือซีสต์ธรรมดา
มีลักษณะกลม นิ่ม ขนาด 0.5–2 ซม. บางทีก็มีขนขึ้นคลุมจนดูไม่ออก

สิ่งที่ควรทำเมื่อเจอก้อนเนื้อ:

  • อย่าดูแค่ขนาด ให้ดูว่าโตเร็วไหม

  • คลำแล้วขยับได้หรือแน่นติดกับผิว

  • ถ้ามีเลือดซึม กลิ่นเหม็น หรือบวมแดง = ส่งสัญญาณอันตราย

เทคนิค: ถ่ายรูปไว้เปรียบเทียบทุก 7 วัน จะช่วยให้เห็นชัดว่าก้อนเปลี่ยนแปลงหรือไม่


3. หมาสายพันธุ์เล็ก–กลาง “มีแนวโน้มพบมะเร็งผิวหนังชนิดนี้มากกว่าพันธุ์ใหญ่”

โดยเฉพาะสายพันธุ์อย่าง บีเกิล, ค็อกเกอร์สแปเนียล, มินิเอเจอร์พุดเดิ้ล และชิสุ
ซึ่งมีต่อมไขมันในผิวหนังที่ไวต่อการอักเสบและการเปลี่ยนแปลงของเซลล์

พฤติกรรมเสี่ยง:

  • ชอบนอนแช่แดด

  • อ้วน มีไขมันสะสมเยอะ

  • ถูกเลีย/กัดบริเวณเดิมบ่อย

  • เคยมีแผลเรื้อรังที่ไม่หาย

ข้อควรรู้: หมาอายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไป ควรตรวจเช็กผิวหนังทุกครั้งเวลาพาไปทำวัคซีนหรือตรวจสุขภาพประจำปี


4. การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) “คือทางเดียวที่วินิจฉัยมะเร็งได้แม่นยำ 100%”

การดูด้วยตาเปล่าหรือคลำไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าก้อนเนื้อเป็นมะเร็งหรือไม่
สัตวแพทย์จะใช้การเจาะชิ้นเนื้อเล็กๆ ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
เพื่อแยกให้ได้ว่าเป็นก้อนมะเร็งชนิดใด และลุกลามไปมากแค่ไหน

ขั้นตอน:

  • เจาะ FNA (Fine Needle Aspiration) หรือเก็บชิ้นเนื้อ (biopsy)

  • รอผลประมาณ 3–7 วัน

  • ถ้าเป็นมะเร็ง อาจต้อง X-ray หรือ Ultrasound เพื่อตรวจแพร่กระจาย

เคล็ดลับ: ถามคุณหมอว่า “ควรตัดออกเลยหรือรอดู” และขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังหรือมะเร็งสัตว์เลี้ยง


5. อัตราการหายจากมะเร็งชนิดนี้ “สูงถึง 90% หากตัดออกหมดก่อนแพร่กระจาย”

ข่าวดีคือ มะเร็งผิวหนังชนิดนี้ถ้าเจอเร็ว ตัดออกพร้อมขอบเนื้อที่สะอาด และไม่มีการกระจายไปต่อมน้ำเหลือง
โอกาสหายขาดและไม่กลับมาอีกมีสูงมาก โดยเฉพาะในหมาที่สุขภาพโดยรวมแข็งแรง

แนวทางการดูแลหลังผ่าตัด:

  • ติดตามผลแผลทุก 3–5 วันแรก

  • สวมปลอกคอกันเลีย 10–14 วัน

  • ตรวจสุขภาพซ้ำทุก 6 เดือน

  • ระวังแสงแดดตรงบริเวณแผลเดิม

เทคนิค: จัดโซนพักผ่อนให้น้องหมาเงียบสงบหลังผ่าตัด หลีกเลี่ยงการกระโดด วิ่ง หรือเลียแผล


ก้อนเล็กๆ ที่ใต้ผิวหนังของหมาคุณ อาจไม่เล็กอย่างที่คิด
“มะเร็งต่อมในผิวหนัง” อาจไม่ใช่มะเร็งร้ายแรงที่สุด แต่ก็เป็นโรคที่ต้องจับตา และวินิจฉัยให้เร็วที่สุด
เพราะถ้าตัดสินใจไว รักษาถูกทาง น้องหมาก็สามารถกลับมาวิ่งเล่น อ้อนเก่ง และมีชีวิตยืนยาวอย่างมีความสุขได้เหมือนเดิมครับ


#ก้อนเล็กๆที่ไม่ควรมองข้าม #มะเร็งผิวหนังในหมา #รู้ทันมะเร็งในสุนัข #สุขภาพน้องหมาต้องใส่ใจ #Lazadogเข้าใจหมาทุกวัย


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts