เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันในหมา” อาการหนักที่เจ้าของต้องรู้ทัน! (อัปเดท 2025)

Apr 17, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันในหมา” อาการหนักที่เจ้าของต้องรู้ทัน! (อัปเดท 2025)

เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันในหมา” อาการหนักที่เจ้าของต้องรู้ทัน!

เวลาหมาหายใจแรง หอบเหนื่อย หรือหายใจมีเสียงฟืดฟาด เราอาจคิดว่าแค่เหนื่อยหรือเป็นหวัด
แต่ถ้ามีอาการเหล่านี้แบบเฉียบพลัน ร่วมกับตัวเย็น ลิ้นซีด หรือซึมไม่ลุก นั่นอาจเป็นภาวะที่เรียกว่า ARDS (Acute Respiratory Distress Syndrome)
ที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก และเจ้าของต้องพาน้องหมาเข้ารับการรักษาทันที

วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับ ARDS ในหมา พร้อมเคล็ดลับการสังเกต ป้องกัน และเตรียมตัวหากเกิดเหตุฉุกเฉินครับ


1. หมาน้อยกว่า 1% เท่านั้นที่เจอ ARDS — แต่ถ้าเจอ “อัตราการเสียชีวิตสูงถึง 50–80%”

จากรายงานของ Veterinary Emergency and Critical Care Society (VECCS)
พบว่าแม้ ARDS จะเกิดน้อย แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว การรักษายากมากและต้องอาศัย ICU เต็มรูปแบบ
เพราะมันเป็นภาวะที่ถุงลมในปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้แม้จะได้รับออกซิเจนเต็มที่แล้วก็ตาม

กลุ่มเสี่ยง:

  • หมาป่วยหนักอยู่ก่อน (ติดเชื้อ, พิษในเลือด, ตับอ่อนอักเสบ)

  • หมาที่เพิ่งได้รับอุบัติเหตุรุนแรง

  • หมาที่ได้รับควันหรือสารเคมีเข้าทางหายใจ

ข้อควรรู้: ถ้าเห็นน้องหมาหายใจเร็วแบบแปลกๆ โดยไม่มีไข้ ไม่มีไอ ให้รีบพาไปตรวจ ไม่ต้องรอดูอาการครับ


2. ARDS เกิดเร็วมาก “ภายใน 4–24 ชั่วโมงหลังเริ่มมีปัจจัยกระตุ้น”

ภาวะนี้เป็นผลจาก การอักเสบรุนแรงของถุงลมปอด (alveoli) ทำให้มีของเหลวรั่วเข้ามาในถุงลม
และถึงแม้น้องหมาจะหายใจเร็วมาก แต่กลับได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ

สัญญาณเตือนล่วงหน้า:

  • หอบเร็วผิดปกติแม้อยู่เฉยๆ

  • ลิ้นซีดหรือน้ำเงิน

  • ตัวเย็น ปลายหู–อุ้งเท้าเย็น

  • ไม่ตอบสนอง หรือไม่ลุก

เทคนิค: สังเกตว่าหมาหายใจเร็วเกิน 40 ครั้งต่อนาทีในสภาพปกติ (ตอนพักผ่อน) ถือว่าเข้าข่ายน่ากังวล


3. ออกซิเจนแรงดันสูงอย่างเดียว “ไม่เพียงพอ” ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในบางกรณี

หลายคนคิดว่าถ้าหมาหายใจลำบากก็ให้ออกซิเจน แต่สำหรับ ARDS
แม้ให้ออกซิเจน 100% แล้ว หมาก็อาจยังหายใจไม่เพียงพอ เพราะถุงลมเสียหาย
ทำให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อควบคุมแรงดันและปริมาณออกซิเจนอย่างแม่นยำ

การรักษา ARDS:

  • ให้ออกซิเจนแรงดันสูง

  • ใช้ยาลดการอักเสบ เช่น corticosteroids

  • ควบคุมของเหลวในร่างกายอย่างแม่นยำ

  • พักใน ICU พร้อมเฝ้าดูการทำงานของหัวใจและปอด

ข้อควรรู้: สัตวแพทย์อาจใช้ blood gas analysis เพื่อตรวจระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดก่อนวินิจฉัย


4. ปัจจัยจุดชนวน ARDS “อันดับ 1 คือการติดเชื้อในร่างกายอย่างรุนแรง” (Sepsis)

การติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง เช่น ปอดบวม, ตับอ่อนอักเสบ, เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานมากเกินไป จนกลายเป็น ARDS ได้

โรคที่อาจนำไปสู่ ARDS:

  • ปอดอักเสบ (Pneumonia)

  • ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน

  • แผลติดเชื้อแล้วปล่อยไว้นาน

  • ภาวะช็อกจากพิษในเลือด

เทคนิค: ถ้าหมาป่วยหนักแล้วเริ่มมีอาการหอบ หายใจแรง ต้องพาไปหาหมอด่วน อย่ารอให้หมดแรงก่อนครับ


5. การพาน้องไปหาหมอภายใน “2 ชั่วโมงแรก” หลังหายใจผิดปกติ “เพิ่มโอกาสรอดชีวิตกว่า 40%”

จากสถิติของ Emergency Animal Clinic Data (US)
การตรวจพบ ARDS และเริ่มการรักษาภายใน 2 ชั่วโมงหลังหายใจผิดปกติ
ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้เกือบครึ่ง และช่วยฟื้นฟูถุงลมที่ยังพอใช้งานได้ก่อนจะเสียหายถาวร

เคล็ดลับ: ถ้าน้องเคยป่วยหนักมาแล้วใน 1–2 สัปดาห์ก่อน และเริ่มมีอาการหอบ หายใจแรง ให้รีบหาสัตวแพทย์ 24 ชั่วโมงใกล้บ้านไว้เสมอ


ภาวะ ARDS อาจไม่ได้เจอบ่อย แต่ถ้าเจอแล้ว... เวลาคือทุกสิ่ง
หมาที่หายใจไม่ออกจาก ARDS ไม่ได้แค่เหนื่อย แต่คือกำลังสูญเสียการแลกเปลี่ยนออกซิเจนทั้งร่างกาย
เจ้าของที่สังเกตอาการไว พาไปรักษาทัน ย่อมมีโอกาสช่วยชีวิตเพื่อนรักไว้ได้ก่อนที่จะสายเกินไปครับ


#หมาหายใจแรงอาจเป็นARDS #เจ้าของต้องรู้ทันARDS #โรคปอดรุนแรงในหมา #ช่วยหมาได้ทันเวลา #Lazadogให้ความรู้ดูแลน้องหมาทุกสภาวะ


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts