เปิด 5 สถิติน่ารู้ “โลหิตจางในหมา” ไม่ใช่แค่ซีด แต่คือสัญญาณเตือนร่างกายส่ง SOS

เคยเห็นน้องหมานอนเยอะ ซึม ไม่กิน เดินได้นิดเดียวก็หอบไหมครับ?
หลายคนอาจนึกว่าแค่น้องขี้เกียจ หรืออากาศร้อน...
แต่จริงๆ แล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณของ “โลหิตจางในสุนัข (Canine Anemia)” โรคเงียบที่พบได้บ่อย และต้องรีบรักษา!

วันนี้ผมจะพาคุณมาเจาะลึกผ่าน 5 สถิติน่ารู้ ว่าโรคนี้เจอบ่อยแค่ไหน สาเหตุคืออะไร รักษายังไง
และที่สำคัญ... เจ้าของอย่างเราจะช่วยให้น้องรอดได้ยังไงครับ!

1. โลหิตจางพบในหมา “มากถึง 1 ใน 10 ตัว” ที่เข้ารับการตรวจเลือดประจำปี

จากข้อมูลของ Veterinary Hematology Textbook (3rd ed.)
หมาที่เข้าตรวจเลือดในคลินิกทั่วไป มีมากถึง 10% ที่มีภาวะโลหิตจาง
โดยเฉพาะในหมาสูงวัย หมาป่วยเรื้อรัง หรือหมาที่เคยติดเห็บ

ทำไมต้องซีเรียส?

• โลหิตจางคือภาวะที่เม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ

• ทำให้ออกซิเจนในเลือดน้อย → หมาซึม เหนื่อยง่าย อวัยวะขาดออกซิเจน

• บางรายอาจหมดแรงและเสียชีวิตได้หากไม่รักษา

ข้อควรรู้: ไม่ต้องรอให้ซีดมากก่อนค่อยตรวจ เจาะเลือดเป็นประจำช่วยให้เจอเร็วและรักษาไวขึ้นเยอะครับ!

2. สาเหตุของโลหิตจางในหมา “มีมากกว่า 5 แบบ” — ต้องหาต้นตอให้เจอถึงจะรักษาได้ตรงจุด

โลหิตจางในหมาไม่ใช่แค่ขาดธาตุเหล็กนะครับ แต่มีได้ตั้งแต่ ติดเชื้อ, ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง, พยาธิในเม็ดเลือด, ไปจนถึงมะเร็งเม็ดเลือด

แบ่งง่ายๆ เป็น 3 กลุ่มใหญ่:

1. สูญเสียเลือด: เช่น อุบัติเหตุ, เลือดออกในลำไส้, พยาธิปากขอ

2. สร้างเลือดไม่พอ: เช่น โรคไต, ภาวะโภชนาการต่ำ, ไขกระดูกฝ่อ

3. ทำลายเม็ดเลือด: เช่น ภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ (IMHA), พยาธิในเม็ดเลือด

เคล็ดลับ: การตรวจเลือดเจาะลึก + ตรวจเลือดในกล้องจุลทรรศน์ จะช่วยให้หาสาเหตุได้แม่นยำกว่าแค่ดูเหงือกซีดนะครับ

3. หมาที่มีโลหิตจางระดับรุนแรง “มีโอกาสเสียชีวิตใน 48 ชม. หากไม่ได้รับการถ่ายเลือด”

ข้อมูลจาก American College of Veterinary Internal Medicine ระบุว่า
หมาที่มีค่า PCV (Packed Cell Volume) ต่ำกว่า 15% และมีอาการทางระบบหัวใจหรือหอบเหนื่อย
ต้องได้รับถ่ายเลือดทันที ไม่เช่นนั้นอัตราการเสียชีวิตภายใน 2 วันจะสูงถึง 80%

สัญญาณวิกฤต:

• หอบแรง นอนแล้วลุกไม่ขึ้น

• เหงือกซีดขาว

• หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

• ตัวเย็น ขาเย็น

ข้อควรรู้: ถ้ารู้ว่าโลหิตจาง อย่ารอให้ถึงขั้นช็อก รีบถ่ายเลือดช่วยชีวิตน้องได้เลย

4. หมาที่เคยมี “พยาธิในเม็ดเลือด” หรือ “เห็บกัดซ้ำๆ” มีโอกาสเป็นโลหิตจางเรื้อรังสูงถึง 60%

ประเทศไทยเรามีเห็บหมัดเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน
เห็บเหล่านี้เป็นพาหะของพยาธิในเม็ดเลือด เช่น Ehrlichia หรือ Babesia ซึ่งสามารถทำลายเม็ดเลือดแดงโดยตรง

ตัวเลขที่น่าตกใจ:

• หมาที่เคยเป็น ehrlichiosis มีโอกาสกลับมาโลหิตจางซ้ำภายใน 1 ปี มากถึง 60%

• ในบางกรณีโรคเรื้อรังจนทำให้ไขกระดูกไม่สร้างเลือดอีกต่อไป

เทคนิค: ป้องกันเห็บหมัดเป็นประจำ และตรวจเลือดหาพยาธิในเม็ดเลือดทุกปี โดยเฉพาะหมาเลี้ยงนอกบ้านครับ

5. หมาที่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างต่อเนื่อง “สามารถฟื้นตัวจากโลหิตจางได้ใน 2–6 สัปดาห์”

แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ข่าวดีก็คือ โลหิตจางจำนวนมากรักษาหายได้ถ้าเจอไวและรักษาถูกจุด

แนวทางการรักษา:

• ถ่ายเลือดเพื่อเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดง

• ให้ยาต้านเชื้อ/ยาฆ่าพยาธิในเม็ดเลือด

• เสริมธาตุเหล็ก วิตามินบี และสารบำรุงไขกระดูก

• รักษาต้นเหตุ เช่น ไตวายเรื้อรัง หรือมะเร็งเม็ดเลือด

เคล็ดลับ: หากน้องเคยเป็นโลหิตจาง อย่าลืมตรวจซ้ำเป็นระยะ เพื่อป้องกันการกลับมาอีกครั้งครับ

โลหิตจางในสุนัขอาจฟังดูเหมือนไม่รุนแรง แต่จริงๆ แล้วมันคือสัญญาณที่ร่างกายน้องหมากำลังร้องขอความช่วยเหลือ
ไม่ว่าจะเป็นจากการติดเห็บหมัด โรคเรื้อรัง หรือภาวะผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกัน
การตรวจสุขภาพประจำปี + ใส่ใจอาการเล็กน้อยของน้องหมา คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ครับ!

#หมาเหงือกซีดอย่านิ่งนอนใจ #โลหิตจางในหมาคือภัยเงียบ #หมาเหนื่อยง่ายอาจไม่ใช่เรื่องเล่น #Lazadogห่วงใยน้องหมาทุกโรค #สังเกตหมาซึมช่วยชีวิตได้

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com