เปิด 5 สถิติน่ารู้ “พิษยาหนูในหมา” อันตรายถึงเลือดหยุดไหล อย่าคิดว่าไม่ร้ายแรง! (อัปเดท 2025)

Apr 18, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
เปิด 5 สถิติน่ารู้ “พิษยาหนูในหมา” อันตรายถึงเลือดหยุดไหล อย่าคิดว่าไม่ร้ายแรง! (อัปเดท 2025)

🐶 ไวรัลวันนี้! หมา-แมวไทย

ที่มา: Google News

เปิด 5 สถิติน่ารู้ “พิษยาหนูในหมา” อันตรายถึงเลือดหยุดไหล อย่าคิดว่าไม่ร้ายแรง!

ยาหนูอาจดูเหมือนของไกลตัว แต่ในความจริง มันคือหนึ่งใน สาเหตุหลักของภาวะเลือดไม่แข็งตัวในหมา (Multi-anticoagulant rodenticide poisoning) ที่พบบ่อยในคลินิกสัตวแพทย์ไทย โดยเฉพาะหมาที่อยู่ในเขตชุมชน เกษตร หรือมีบ้านติดร้านค้า/โรงงาน

ปัญหาคือพิษชนิดนี้ออกฤทธิ์ “ช้า” ทำให้หลายคนไม่รู้ตัว จนกว่าน้องหมาจะเลือดออกภายใน หรือมีอาการหนักมากแล้ว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาแบบถูกจุดและทันเวลา อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยครับ

วันนี้ผมจะพาคุณเจาะลึกผ่าน “5 สถิติน่ารู้” ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพิษยาหนูแบบทะลุทะลวง พร้อมเคล็ดลับช่วยให้น้องรอดกลับมาเลียหน้าคุณได้อีกครั้งครับ!


1. ยาหนูในไทยกว่า 80% มีสารออกฤทธิ์ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant)

ตามข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และรายงานของกรมปศุสัตว์ พบว่า
ยาหนูที่ใช้ในไทยมากกว่า 80% มีสารประเภท Anticoagulant เช่น Warfarin, Bromadiolone, Difenacoum ฯลฯ
ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของวิตามิน K – ตัวสำคัญที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว

ทำไมถึงอันตราย?

  • พิษออกฤทธิ์ช้า 2–5 วันหลังจากกิน

  • ทำให้หมามีเลือดออกทั้งที่ไม่มีแผล เช่น เลือดออกปัสสาวะ, เลือดกำเดา, เลือดในอุจจาระ

  • อาจถึงขั้นเลือดออกในปอด สมอง หรือในช่องท้องแบบไม่รู้ตัว

ข้อควรรู้: แม้หมาจะกินไปแค่เล็กน้อย แต่ถ้าเป็นชนิด “long-acting” เช่น Brodifacoum ก็ทำให้อาการรุนแรงได้นานถึง 3–4 สัปดาห์เลยครับ


2. หมาที่ได้รับพิษยาหนูโดยไม่รู้ตัว มีแนวโน้มเสียชีวิตสูงถึง 65% หากไม่ได้รับวิตามิน K ภายใน 48 ชั่วโมงแรก

ข้อมูลจาก Journal of Veterinary Emergency and Critical Care ระบุว่า
อัตราการรอดชีวิตของหมาที่ได้รับพิษลดลงจาก 90% เหลือ 35% ถ้าไม่ได้รับวิตามิน K ใน 2 วันแรก

สัญญาณที่ต้องรีบพาไปหาหมอ:

  • หายใจหอบหรือเสียงฟืดฟาด (อาจมีเลือดในปอด)

  • มีจ้ำเลือดตามตัว เหงือกซีด

  • ปัสสาวะหรืออุจจาระมีเลือด

  • เดินเซ อ่อนแรงผิดปกติ

เทคนิค: หากสงสัยว่าหมาอาจได้รับพิษ แต่ยังไม่มีอาการ ให้รีบพาไปโรงพยาบาลเพื่อ “ทำให้อาเจียน” และเริ่มวิตามิน K ทันที ไม่ต้องรอครับ!


3. 1 ใน 4 ของหมาที่เจอพิษยาหนู เกิดจาก "คนวางยาโดยไม่ตั้งใจ"

ข้อมูลจากเคสในโรงพยาบาลสัตว์รัฐและเอกชนในไทย พบว่า
25% ของหมาที่ได้รับพิษยาหนู เกิดจากการวางยาเพื่อกำจัดหนูรอบบ้าน โดยเจ้าของไม่รู้ว่าหมาไปกินเข้า
เช่น ในฟาร์ม, ลานขยะ, โกดังสินค้า หรือแม้แต่ใต้บ้านไม้เก่า

เคล็ดลับป้องกัน:

  • อย่าวางยาหนูในที่ที่หมาเข้าถึงได้

  • ใช้กับดักแทน หรือใช้ยาหนูในกล่องปิดฝาเท่านั้น

  • สังเกตบริเวณที่หมาเล่นหรือขุดดินว่ามีเศษเม็ดยาสีชมพู/น้ำเงินอยู่หรือไม่

ข้อควรรู้: เม็ดยาหนูมักมีสีฉูดฉาดเพื่อให้สังเกตง่าย แต่สำหรับหมา... นั่นคือ “ของเล่นรสชาติแปลกใหม่”


4. หมาที่เคยโดนพิษยาหนู “เสี่ยงเลือดออกซ้ำ” ได้อีก หากไม่ได้ติดตามการรักษาจนครบ

วิตามิน K ต้องให้ต่อเนื่อง 2–4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของพิษ
แต่หลายเคสในไทย พบว่าหลังจากหมาดีขึ้นแล้ว เจ้าของหยุดยาเองหรือไม่ได้กลับไปตรวจเลือดซ้ำ ทำให้เลือดกลับมาไม่แข็งตัวอีก

แนวทางรักษา:

  • วิตามิน K1 ทางปากหรือฉีด – ต้องตามโดสจากสัตวแพทย์

  • ตรวจค่า PT/PTT (Prothrombin Time) เพื่อดูการแข็งตัวของเลือด

  • ให้เลือดหรือพลาสมาถ้าหมามีเลือดออกมาก

เทคนิค: ห้ามหยุดยาเอง! ให้กลับไปตรวจเลือดก่อนตัดสินใจหยุดวิตามิน K นะครับ


5. พิษยาหนูเป็น “เหตุฉุกเฉิน” ที่ต้องรีบพาไปหาหมาภายใน 1–2 ชั่วโมงแรกเท่านั้นถึงจะช่วยได้ง่าย

หากเพิ่งรู้ว่าหมาเพิ่งกินยาหนูเข้าไป ช่วงเวลา 1–2 ชั่วโมงแรกคือ “Golden Period”
ที่สามารถทำให้น้องอาเจียน หรือดูดซับพิษได้ด้วย Activated Charcoal และป้องกันการดูดซึมเข้ากระแสเลือด

อาวุธลับที่คลินิกใช้:

  • Activated Charcoal: ช่วยดูดพิษก่อนเข้าสู่ร่างกาย

  • Emesis Induction: ทำให้อาเจียนเพื่อขับยาหนูออก

  • Plasma Transfusion: ถ้าระบบเลือดเสียหายมาก

ข้อควรรู้: ยิ่งพาไปช้าเท่าไหร่ โอกาสรอดยิ่งลดลงแบบดิ่งเหวครับ!


พิษยาหนูไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สำหรับคนรักน้องหมา
เพราะแม้จะออกฤทธิ์ช้า แต่พิษสามารถทำลายระบบเลือดแบบเงียบๆ ได้อย่างรุนแรง
หากเรารู้ทันสัญญาณ + รีบพาน้องไปหาหมอ + ป้องกันให้ดี โอกาสรอดสูงมากครับ!

จำไว้นะครับ: ถ้าคิดว่าน้องหมาไปกัดอะไรแปลกๆ มากะทันหัน อย่าเดาว่าไม่เป็นไร รีบให้หมอดูดีกว่าครับ!


#พิษยาหนูในหมาอันตรายถึงชีวิต #หมาเลือดออกต้องระวังพิษยาหนู #หมากินยาหนูอย่ารอให้สาย #Lazadogช่วยชีวิตหมา #รู้ทันพิษยาหนูช่วยหมาไว้ได้


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts