เปิด 5 สถิติน่ารู้ “เห็บหมัดไม่ได้แค่คัน” ทำไมยากำจัดเห็บหมัดจึงสำคัญกว่าที่คิด?
บางคนคิดว่า... "ก็แค่หมัดกับเห็บ เดี๋ยวก็ค่อยจับออก"
แต่ความจริงคือ เจ้าสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ สามารถทำให้หมาสุดที่รักของคุณ ป่วยหนัก ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะครับ!
วันนี้ผมจะพาคุณเปิด 5 สถิติน่ารู้ ที่จะทำให้คุณ เปลี่ยนความคิด เกี่ยวกับเห็บหมัดไปเลย พร้อมคำแนะนำจากสัตวแพทย์ และวิธีเลือก “ยากำจัดเห็บหมัด” ที่ใช่สำหรับหมาทุกตัวในบ้านครับ
จากข้อมูลของกรมปศุสัตว์และสมาคมสัตวแพทย์เวชศาสตร์สัตว์เลี้ยงแห่งประเทศไทย
พบว่า มากกว่า 80% ของสุนัขที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเมืองร้อนชื้น (เช่น ประเทศไทย) มีโอกาสเจอเห็บหมัดอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต
และที่น่ากลัวคือ…
หมาที่เคยติดเห็บหมัดมาก่อน มีโอกาสกลับมาติดซ้ำใน 6 เดือน สูงถึง 63.4%
หากไม่มีการกำจัดเห็บหมัดอย่างต่อเนื่อง
เห็บ 1 ตัวสามารถดูดเลือดได้นานถึง 7 วัน
หมัดตัวเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้มากกว่า 500 ฟองใน 3 สัปดาห์
หมัดและเห็บเป็นพาหะของโรคร้ายแรง เช่น พยาธิเม็ดเลือด, โรคไลม์, โรคไข้เห็บ
กลเม็ด: บ้านที่เลี้ยงหมา ไม่ว่าจะเป็นในคอนโด บ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม ต้องมี "แผนการควบคุมเห็บหมัด" เป็นกิจวัตร
จากการสำรวจของ Lazadog Research ปี 2024 พบว่า
เจ้าของสุนัขไทย 62% ยังสับสนระหว่าง “ยากิน ยาหยด และยาฉีด” ว่าอะไรเหมาะกับหมาแบบไหน
| ประเภท | เหมาะกับ | จุดเด่น | ระยะเวลาออกฤทธิ์ |
|---|---|---|---|
| ยาหยดหลัง | หมาที่ไม่ชอบกินยา | ใช้ง่าย ไม่ผ่านระบบย่อย | 1 เดือน |
| ยากิน | หมาสุขภาพแข็งแรง | ออกฤทธิ์เร็ว ครอบคลุมหมัด-เห็บ-พยาธิหัวใจ | 1–3 เดือน |
| ยาฉีด | ต้องใช้โดยสัตวแพทย์ | สำหรับเคสหนัก หรือควบคุมระยะยาว | 3–6 เดือน |
หมาน้ำลายเยอะ ไม่ควรใช้ยาหยด (เพราะจะเลียได้)
หมาท้อง/ให้นม ต้องปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนใช้ทุกชนิด
ไม่ควรใช้ยากำจัดเห็บหมัดร่วมกันหลายชนิดโดยไม่จำเป็น
ข้อควรรู้: ยาที่ “ใช้ไม่ได้ผล” อาจไม่ใช่เพราะยาห่วย แต่อาจเลือกผิดกับพฤติกรรมและร่างกายของหมา
โรคพยาธิเม็ดเลือด (Ehrlichiosis และ Babesiosis) เป็นโรคร้ายที่เกิดจากการที่เห็บดูดเลือด
อาการรุนแรง เช่น ตัวซีด เบื่ออาหาร ไข้สูง ซึม และตายในรายที่ไม่ได้รักษาทันเวลา
จากรายงานของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า
หมาที่ไม่ได้รับการป้องกันเห็บหมัด มีโอกาสติดเชื้อพยาธิเม็ดเลือดมากกว่าหมาที่ใช้ยากำจัดเห็บหมัด 3 เท่า
เหงือกซีด
ตัวร้อนผิดปกติ
เบื่ออาหาร
ซึม ไม่อยากเดิน
เทคนิค: หากสังเกตว่าหมามีเห็บแล้วซึมไปใน 1–2 สัปดาห์ รีบพาไปเจาะเลือดทันที เพราะอาการมักไม่แสดงชัดจนสายเกินไป
ข้อมูลจาก American Veterinary Medical Association (AVMA) ชี้ว่า
วงจรชีวิตของเห็บหมัดกว่า 90% เกิดขึ้น “นอกตัวหมา” เช่น พรม เบาะ โซฟา หรือซอกพื้นไม้
นั่นหมายความว่า... ต่อให้คุณกำจัดบนตัวหมาจนหมด แต่ถ้าพื้นที่ยังมีไข่หรือตัวอ่อน ก็พร้อมจะกลับมาได้ในไม่กี่วัน
ซักที่นอนหมาทุกสัปดาห์ (ด้วยน้ำร้อนหรือน้ำสบู่ฆ่าเชื้อ)
ใช้เครื่องดูดฝุ่นแรงสูงดูดตามขอบพรม/มุมห้อง
ใช้สเปรย์กำจัดเห็บหมัดเฉพาะจุดร่วมด้วย
ข้อควรรู้: การฉีดยากำจัดเห็บหมัดในบ้าน ควรทำพร้อมกับให้ยากับหมาเสมอ เพื่อป้องกันการวนกลับของวงจร
ฟังดูเหมือนลงทุนใช่ไหมครับ? แต่ความจริงคือ...
การให้ยากำจัดเห็บหมัดประจำเดือน ช่วยลดโอกาสเป็นโรคพยาธิเม็ดเลือด การติดเชื้อที่ผิวหนัง และอาการแพ้ต่างๆ ได้จริง
จากการวิเคราะห์ต้นทุนของ Lazadog Petcare Lab ปี 2023
เจ้าของที่ให้ยากำจัดเห็บหมัดต่อเนื่องตลอดปี ใช้ค่ารักษาสุนัขเฉลี่ยน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ถึง 35% หรือประมาณ 2,400–6,200 บาท/ปี
ตั้งแจ้งเตือนในปฏิทินมือถือทุกเดือน
ใช้ยารูปแบบเหมาะกับนิสัยของน้องหมา
อย่ารอให้เห็นเห็บหมัดก่อนแล้วค่อยใช้ยา
กลเม็ด: การป้องกันที่ดี คือการทำให้เห็บหมัด “ไม่มีโอกาสได้เริ่มต้น”
เห็บหมัดไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อสุขภาพหมาแบบสะสม
การเลือกยากำจัดเห็บหมัดที่เหมาะสม และใช้ต่อเนื่องทุกเดือน ไม่เพียงแค่ทำให้หมาสบายตัว... แต่ช่วย ป้องกันโรคร้ายแรง ได้แบบคุ้มค่า คุ้มงบ และไม่ต้องลุ้นว่าเมื่อไหร่เห็บจะกลับมาอีกครับ
#เห็บหมัดเรื่องใหญ่กว่าที่คิด #ยากำจัดเห็บหมัดสำหรับหมา #หมาปลอดเห็บบ้านก็ปลอดภัย #Lazadogดูแลน้องหมาแบบมืออาชีพ #รู้ก่อนเห็บมากัด
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com