เปิด 5 สถิติน่ารู้ “หมาเป็นหอบหืดได้ไหม?” เสียงหายใจดังผิดปกติ อย่าคิดว่าแค่เหนื่อย

เสียง "ฮืดๆ ฮาดๆ" จากน้องหมาอาจฟังดูน่ารัก (หรือเหมือนเสียงแอบหายใจของพั๊กตอนหลับ)
แต่ถ้าเสียงหายใจแปลกเกิดขึ้นบ่อย เสียงลั่นตอนวิ่งเล่น หรือไอแห้งๆ เป็นประจำ
คุณอาจกำลังเจอกับ "โรคที่หลายคนไม่รู้ว่าหมาเป็นได้" นั่นก็คือ...

“โรคหอบหืดในสุนัข (Canine Asthma)”

วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับโรคหอบหืดในหมา
เพื่อให้คุณสังเกตอาการได้ไว ป้องกันได้ทัน และดูแลน้องหมาให้หายใจได้คล่องใจทั้งเจ้าของและน้องครับ!

1. หมามี “โรคหอบหืด” ได้จริง โดยพบในหมา 1–2% จากประชากรหมาทั่วโลก

จากข้อมูลของ American College of Veterinary Internal Medicine (ACVIM)
แม้จะพบได้น้อยกว่าแมว แต่หมาก็สามารถเกิดอาการหอบหืดได้ โดยเฉพาะในสายพันธุ์หน้าสั้นหรือหมาที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว

หมาที่เสี่ยง:

• ปั๊ก (Pug)

• เฟรนช์บูลด็อก

• ชิสุ

• ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์

• หมาสายพันธุ์เล็ก อายุ 1–5 ปี

ข้อควรรู้: หอบหืดไม่ใช่แค่ "เหนื่อยง่าย" แต่เป็นภาวะอักเสบในหลอดลม ที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง

2. 80% ของเจ้าของเข้าใจผิด “คิดว่าหมาหายใจเสียงดังเพราะน่ารัก” จนปล่อยให้หอบเรื้อรัง

จากรายงานของ WALTHAM Petcare Science & Respiratory Review
เจ้าของหมาส่วนใหญ่มักคิดว่า เสียงหายใจดังฮืดฮาดในหมาหน้าสั้น เป็นเรื่องปกติ
แต่จริงๆ แล้ว อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคหอบหืด หรือโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis)

สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม:

• ไอแห้งตอนกลางคืน

• หายใจหอบหลังเล่นไม่นาน

• เสียงดังเหมือนมีเสมหะ แต่ไม่มีน้ำมูก

• ท่าทางหายใจผิดปกติ (ยืดคอ ผายขาเพื่อหายใจ)

เทคนิค: หากน้องมีเสียงหายใจผิดปกติซ้ำเกิน 3 วัน ควรพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจระบบทางเดินหายใจ

3. สารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น, ควัน, น้ำหอม “เป็นตัวกระตุ้นให้หมาหอบหืดกำเริบได้สูงถึง 70%”

จากผลการศึกษาของ Cornell University College of Veterinary Medicine
หมาที่เป็นหอบหืดจะมีปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว โดยเฉพาะฝุ่นในพรม ควันบุหรี่ สเปรย์ หรือกลิ่นฉุน
และสามารถมีอาการรุนแรงทันทีภายใน 30 นาทีหลังสัมผัส

ตัวกระตุ้นยอดฮิต:

• ฝุ่นในพรมหรือเตียงนอน

• น้ำหอมปรับอากาศ

• ควันธูป ควันบุหรี่

• ละอองเกสรดอกไม้ / หญ้า

กลเม็ด: ใช้เครื่องกรองอากาศในห้องที่น้องหมาอยู่ ช่วยลดการระคายทางเดินหายใจได้ถึง 60–80%

4. ยาสูดพ่นสำหรับหมา (Inhaler) “ให้ผลดีใน 60–85% ของเคสที่เป็นหอบหืดระดับกลางถึงรุนแรง”

จากแนวทางการรักษาของ American Veterinary Medical Association (AVMA)
การใช้ยาสเตียรอยด์ในรูปแบบสูดพ่น เช่น Fluticasone หรือ Salbutamol (Albuterol)
ให้ผลดีในการลดการอักเสบของหลอดลม โดยไม่มีผลข้างเคียงจากยากิน

อุปกรณ์ที่ใช้ร่วม:

• Dog Spacer หรือหน้ากากช่วยพ่นยา

• ใช้วันละ 1–2 ครั้ง ตามอาการ

• สังเกตพฤติกรรมหลังพ่นยาทุกครั้ง (ไม่ควรไอมากขึ้น)

ข้อควรรู้: ยาพ่นต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์เท่านั้น ห้ามใช้ของคนโดยตรงเด็ดขาด

5. หมาที่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลหอบหืดอย่างต่อเนื่อง “สามารถใช้ชีวิตได้ปกติยาวนานกว่า 10 ปี”

จากการรวบรวมข้อมูลโดย European Society of Veterinary Respiratory Health
หมาที่ได้รับการวินิจฉัยและควบคุมอาการหอบหืดได้ตั้งแต่ต้น มีแนวโน้มอายุยืนและไม่มีภาวะแทรกซ้อนถึง 89%
โดยเฉพาะหมาที่ได้รับการจัดการสิ่งแวดล้อม + ใช้ยาตามแผนอย่างสม่ำเสมอ

แนวทางดูแลระยะยาว:

• หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น

• พ่นยาเมื่อจำเป็น

• ตรวจสุขภาพปอดปีละ 1–2 ครั้ง

• เสริมด้วย Omega-3 ลดการอักเสบจากภายใน

เทคนิค: หมาหอบหืดที่ควบคุมอาการได้ จะมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงหมาแข็งแรงทุกประการ

ใช่ครับ... หมาก็เป็นหอบหืดได้!
และการรู้ให้ทัน ตั้งแต่ยังแค่ “ไอแห้ง” หรือ “หายใจเสียงดัง” จะช่วยให้เราดูแลน้องหมาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
เพราะถ้าปล่อยไว้นานจนหอบรุนแรง น้องอาจเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก หรือเกิดอาการเฉียบพลันจนต้องเข้าห้องฉุกเฉินได้เลยครับ!

#หมาหอบหืดได้จริงนะรู้ยัง #ไอแห้งเสียงดังอย่าชะล่าใจ #น้องหมาหายใจไม่คล่องต้องดูแลให้ถูก #หมาหอบอยู่นานแค่ไหนก็อยู่กับเราได้ #Lazadogห่วงใยน้องหมาทุกลมหายใจ

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com