เปิด 5 สถิติน่ารู้ “หมาเป็นบาบีเซีย” เมื่อเห็บตัวเล็ก แต่อันตรายถึงชีวิต
ถ้าคุณคิดว่าเห็บเป็นแค่เรื่องกวนใจเล็กๆ เหมือนสิวที่กัดขา
ขอให้คิดใหม่ครับ เพราะเบื้องหลังเห็บที่ชอบแอบอยู่ตามซอกหูหรือง่ามขา อาจซ่อน “พยาธิเม็ดเลือด” สุดร้ายแรงไว้แบบไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะโรคที่ชื่อว่า “บาบีซิโอซิส (Babesiosis)” หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า “หมาเป็นบาบีเซีย”
เป็นหนึ่งในโรคพยาธิเม็ดเลือดที่พบมากที่สุดในหมาไทย และถ้าไม่รักษาไว น้องอาจซีดจนหัวใจหยุดเต้นได้เลยครับ
วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 สถิติน่ารู้ของโรคนี้ ที่ทั้งน่ากลัวและน่าจดจำ เพื่อให้เจ้าของอย่างเรา "รู้ก่อน ช่วยได้" ครับ
ข้อมูลจาก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า
หมาไทยที่ไม่ป้องกันเห็บหมัดและเคยถูกกัด มีโอกาสสูงถึง 1 ใน 3 ที่จะติดเชื้อ Babesia ซึ่งเป็นพยาธิในเม็ดเลือดแดงที่ถูกส่งผ่านจากเห็บ
พยาธิ Babesia มักอยู่ในน้ำลายของเห็บ
เมื่อเห็บดูดเลือด จะปล่อยพยาธิเข้าสู่กระแสเลือดหมา
พยาธินี้เข้าไปทำลายเม็ดเลือดแดง → ทำให้เกิดอาการซีด ซึม และไตวาย
ข้อควรรู้: เห็บตัวเดียวอาจเพียงพอให้หมาติดเชื้อได้ โดยเฉพาะถ้าเกาะอยู่นานกว่า 48 ชั่วโมง
จากรายงานใน Veterinary Parasitology Journal พบว่า
อัตราการเสียชีวิตของหมาที่เป็นบาบีเซียแบบรุนแรงอยู่ที่ 30–40% โดยเฉพาะในหมาที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงต่ำ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หายใจล้มเหลว
เหงือกซีด ขาวผิดปกติ
ปัสสาวะสีเข้มเหมือนน้ำโค้ก
เบื่ออาหาร ซึม ไม่เล่น
ตัวร้อนจัด หรือมีไข้สูง
เทคนิค: หากคุณสงสัยว่าน้องติดเห็บและมีอาการข้างต้น ให้รีบพาไปตรวจเลือดที่คลินิกทันที อย่ารอดูอาการครับ
หลายคนเข้าใจผิดว่ารักษาหายแล้วคือจบ
แต่ความจริงคือ พยาธิ Babesia บางชนิดอาจหลบซ่อนในร่างกายเป็นเวลานาน และรอจังหวะที่ภูมิคุ้มกันตกเพื่อกลับมาเล่นงานใหม่
แถมถ้าเห็บกัดซ้ำอีก ยังมีโอกาสติดซ้ำจากภายนอกอีกด้วย
พยาธิซ่อนในไขกระดูก ตับ หรือม้าม
แม้ตรวจเลือดแล้วไม่พบ แต่ยังหลบอยู่ได้
การติดซ้ำรอบสองมักรุนแรงกว่าเดิม และยากต่อการรักษา
ข้อควรรู้: การหยอดเห็บเดือนละครั้ง ดีกว่ารักษาหนักหลังติดเชื้อครับ ประหยัดกว่าและปลอดภัยกว่าแน่นอน
หมาบางพันธุ์มีแนวโน้มเกิด “ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก” ได้รุนแรงเมื่อเป็นบาบีเซีย
โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีพันธุกรรมไวต่อโรคเลือด เช่น พิทบูล ลาบราดอร์ หรือไซบีเรียนฮัสกี้
ไตวายเฉียบพลัน
ตับวาย
ภาวะช็อกจากการเสียเลือด
ภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือดตัวเองซ้ำ
เทคนิค: ถ้าเลี้ยงพันธุ์เสี่ยง ควรตรวจเลือดหาพยาธิเม็ดเลือดเป็นประจำทุก 6 เดือน แม้น้องจะดูสุขภาพดีครับ
ข่าวดีคือโรคบาบีเซียสามารถรักษาให้หายได้ ถ้าเจอตั้งแต่เนิ่นๆ
การใช้ยาฆ่าพยาธิเม็ดเลือดร่วมกับยาลดอาการอักเสบและการให้น้ำเกลือ จะช่วยให้น้องฟื้นตัวได้ภายใน 5–10 วัน
ยาฉีดฆ่า Babesia เช่น imidocarb dipropionate
ให้น้ำเกลือและยาบำรุงเลือด
ถ่ายเลือดในเคสรุนแรง
ติดตามการตรวจเลือดทุกสัปดาห์จนพยาธิหมด
ข้อควรรู้: หมาที่หายแล้วอาจต้องควบคุมการออกกำลังกาย และบำรุงเลือดต่อเนื่องจนกว่าระบบร่างกายจะกลับมาสมบูรณ์ครับ
“บาบีเซีย” คือโรคที่เริ่มต้นจากเห็บตัวเล็กๆ แต่ลงท้ายด้วยผลกระทบที่ใหญ่มากถึงชีวิต
สิ่งที่ดีที่สุดที่เจ้าของทำได้คือ “ป้องกันเห็บให้ต่อเนื่อง” และรู้ทันอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
เพราะหมาพูดไม่ได้ เราจึงต้องสังเกตให้มาก และหมั่นตรวจเลือดให้สม่ำเสมอ
เพราะชีวิตน้องหมาไม่ควรอยู่ในมือเห็บครับ!
#บาบีเซียในหมาคือภัยเงียบ #เห็บเล็กภัยใหญ่หมาต้องรอด #หมาเหงือกซีดอย่ารอช้า #Lazadogรู้ทันพยาธิเม็ดเลือด #รักหมาต้องรู้เรื่องเห็บ
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com