เปิด 5 สถิติน่ารู้ “หมาเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง” เมื่อฮีโร่ในร่างกายกลายเป็นตัวร้ายที่เราต้องช่วยจัดการ
รู้ไหมครับว่า “ระบบภูมิคุ้มกัน” ที่ควรจะเป็นด่านป้องกันร่างกายของน้องหมา
บางครั้งก็เกิดอาการ “งงในชีวิต” แล้วหันไปทำร้ายอวัยวะตัวเองซะงั้น
นั่นแหละครับคือที่มาของ “โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเองในหมา (Autoimmune Disease in Dogs)” โรคที่วินิจฉัยยาก อาการหลากหลาย และต้องการการดูแลระยะยาว
วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับโรคนี้แบบครบเครื่อง ผ่าน 5 สถิติน่ารู้ที่ทั้งน่าตกใจและมีประโยชน์สำหรับคนรักหมาทุกคนครับ
ข้อมูลจาก American College of Veterinary Internal Medicine (ACVIM) ระบุว่า
โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเองในหมาไม่ใช่โรคหายาก โดยเฉลี่ยพบได้ใน 1–2% ของสุนัขทั้งหมด
และในบางสายพันธุ์ เช่น ค็อกเกอร์ สแปเนียล (Cocker Spaniel), เยอรมัน เชพเพิร์ด (German Shepherd), และอาคิตะ (Akita)
มีโอกาสเกิดโรคนี้สูงกว่าหมาทั่วไปถึง 4–5 เท่า
พันธุกรรมมีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ฮอร์โมนเพศในบางช่วงอาจกระตุ้นให้โรคกำเริบ
ปัจจัยกระตุ้น เช่น วัคซีน ยา หรือสภาพแวดล้อม
ข้อควรรู้: ไม่ใช่แค่หมาแก่หรือหมาป่วยเรื้อรัง หมาอายุ 1–3 ปีก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกันครับ
โรคนี้ไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่แบ่งได้หลายกลุ่ม ตามว่า ระบบภูมิคุ้มกันพุ่งเป้าไปที่ไหนในร่างกาย
และนั่นทำให้อาการแตกต่างกันสุดๆ บางตัวซีดเฉียบพลัน บางตัวขนร่วงหมดตัว บางตัวขาไม่มีแรงเดิน
IMHA (Immune-Mediated Hemolytic Anemia) – ภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือดแดง → ซีด เหงือกขาว
ITP (Immune-Mediated Thrombocytopenia) – ทำลายเกล็ดเลือด → ช้ำง่าย เลือดออกตามตัว
Pemphigus – ทำลายผิวหนัง → เป็นแผล ขนร่วง ลอกเป็นขุย
Polyarthritis – ข้ออักเสบหลายข้อพร้อมกัน → ขาอ่อนแรง เดินไม่ไหว
Myasthenia Gravis – ทำลายกล้ามเนื้อ → กลืนลำบาก เดินแล้วล้ม
เทคนิค: อาการหลากหลายมาก ดังนั้นหากน้องมีอาการแปลกๆ ที่ไม่ตอบสนองต่อยาปกติ ให้สงสัยไว้ก่อนครับว่าอาจเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
ข้อมูลจาก Journal of Veterinary Internal Medicine ระบุว่า
หมาที่วินิจฉัยโรคได้เร็ว และได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิอย่างต่อเนื่อง มีอัตรารอดชีวิตและคุณภาพชีวิตดีในระยะยาวสูงถึง 75%
โดยเฉพาะในกรณีของ IMHA และ ITP ซึ่งตอบสนองดีมากถ้าให้ยาทันและสม่ำเสมอ
ยากดภูมิ เช่น Prednisone, Azathioprine
ตรวจเลือดติดตามการทำงานของอวัยวะทุก 1–3 เดือน
พักผ่อนมากกว่าปกติ และลดความเครียด
หลีกเลี่ยงวัคซีน/ยาที่อาจกระตุ้นโรค
ข้อควรรู้: โรคนี้รักษาไม่หายขาด แต่ควบคุมได้ คล้ายคนเป็นภูมิแพ้ เพียงแค่เราต้องเข้าใจและไม่ทิ้งเขาในวันที่อ่อนแอครับ
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของโรคนี้คือ ไม่มีการตรวจแบบ “จิ้มแล้วรู้” ได้ทันที
ต้องใช้การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ หรือแม้กระทั่งเจาะชิ้นเนื้อเพื่อยืนยันว่า “ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติจริง”
ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC)
ตรวจ ANA, Coombs test, หรือการตรวจภูมิคุ้มกันเฉพาะทาง
เจาะน้ำไขข้อในบางกรณี
ตรวจการทำงานของตับ ไต และระบบเลือด
เทคนิค: สัตวแพทย์บางแห่งอาจส่งผลไปแล็บต่างประเทศ ดังนั้นควรเตรียมใจเรื่องเวลารอผลให้ดีครับ
แม้โรคจะดูหนัก แต่ข่าวดีคือ หมาที่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง + การดูแลจากเจ้าของอย่างจริงจัง สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้มากกว่า 60%
บางตัวกลับไปวิ่งเล่นได้สบาย แค่ต้องกินยากดภูมิบางตัวต่อเนื่อง และมีการตรวจสุขภาพเป็นระยะ
อย่าหยุดยาเองเด็ดขาด
สังเกตพฤติกรรมทุกวัน เช่น ซึม เบื่ออาหาร หรือมีจ้ำเลือด
หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น สภาพแวดล้อมแออัด ยากระตุ้นภูมิ
ให้น้องนอนพักเยอะๆ อย่าพาออกแรงหนัก
ข้อควรรู้: หมาไม่ต้องสมบูรณ์แบบเพื่อจะมีความสุข แค่มีเจ้าของที่เข้าใจ ก็เพียงพอแล้วครับ
โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเองในหมาอาจฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงคือ มันคือโรคที่เราควบคุมได้
ตราบใดที่เราใส่ใจ สังเกต และร่วมมือกับสัตวแพทย์อย่างต่อเนื่อง
เพราะน้องหมาไม่สามารถพูดได้ว่า “หนูกำลังโดนภูมิคุ้มกันตัวเองทำร้ายอยู่นะ”
ดังนั้นหน้าที่ของเราคือการเป็นเสียงแทนเขา ดูแลเขา และอยู่ข้างเขาในทุกช่วงของชีวิตครับ
#โรคภูมิคุ้มกันหมาไม่ใช่เรื่องไกลตัว #รักหมาต้องรู้จักโรคซ่อนเร้น #ดูแลหมาที่อ่อนแอเหมือนคนในครอบครัว #หมาเป็นภูมิแพ้ตัวเองต้องช่วยทัน #Lazadogห่วงใยน้องหมาทุกโรคซับซ้อน
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com