เปิด 5 สถิติน่ารู้ “วิธีเช็กเห็บหมาแบบไม่พลาดจุดซ่อน” เจอตัวไวกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ!
ใครเคยลูบน้องหมาเพลินๆ แล้วรู้สึกเหมือนนิ้วไปสะดุดอะไรแข็งๆ ที่ข้างหูบ้างครับ?
บางคนถึงขั้นร้องเสียงหลง “เห็บเหรอลูก!!!” แล้วก็เริ่มภารกิจค้นหาทั้งตัว
แต่นั่นแหละครับ เห็บไม่ใช่ศัตรูตัวเล็กของหมาอย่างเดียว
แต่มันยังเป็น “ภัยเงียบ” ที่อาจนำโรคอันตราย เช่น โลหิตจาง พยาธิเม็ดเลือด และติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ มาให้ได้ด้วย
วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับการเช็กเห็บหมาอย่างถูกวิธี
เพื่อให้คุณตรวจเจอเห็บให้ไวที่สุดก่อนจะสายเกินไป พร้อมเคล็ดลับจากสัตวแพทย์ที่ใช้ได้จริงทุกบ้านครับ!
จากรายงานของ American Veterinary Medical Association (AVMA)
เห็บมีนิสัยชอบแอบอยู่ในที่อุ่น มืด และซอกลึก
โดยเฉพาะในจุดที่เรามักจะลูบผ่าน แต่ไม่เคยดูจริงๆ
ใต้คอ/ขากรรไกร
ข้างหู/หลังใบหู
ซอกนิ้วเท้า
ขาหนีบ/ข้อพับหลัง
ใต้หาง
รอบตา/ขอบปาก
ข้อควรรู้: เห็บตัวเล็กๆ จะเกาะแน่นในขนช่วง 1–2 วันแรก ก่อนจะเริ่มดูดเลือดแล้วโตขึ้น
ฟังดูเวอร์… แต่มันคือเรื่องจริงครับ
จากการศึกษาโดย Cornell University College of Veterinary Medicine
เห็บสามารถขยายตัวจากขนาดเมล็ดงาดำไปจนเท่าเมล็ดถั่วเขียวได้ภายในไม่กี่วัน
และการดูดเลือดต่อเนื่องอาจทำให้น้องหมามีอาการอ่อนแรง โลหิตจาง หรือเกิดการติดเชื้อได้
เกาแรงเฉพาะจุด
เดินกะเผลก
อ่อนเพลีย ซึม ไม่ร่าเริง
ขนหลุดเป็นหย่อม
มีก้อนแข็งๆ เล็กๆ บนผิว
กลเม็ด: ลูบตัวน้องวันละ 1–2 ครั้ง โดยใช้ปลายนิ้วคลำแบบช้าๆ จะช่วยให้เจอเห็บได้ตั้งแต่ยังตัวเล็ก
เห็บชอบอากาศชื้น และมักจะเจอมากในช่วงเดือนพฤษภาคม–ตุลาคม
จากข้อมูลของ Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
ประเทศไทยถือเป็น “พื้นที่เสี่ยง” ต่อการระบาดของเห็บหมัดสูงกว่าประเทศเขตหนาว
ตรวจเห็บอย่างน้อย 2–3 ครั้ง/สัปดาห์
หากพาน้องไปวิ่งสนามหญ้า หรือกลับจากร้านอาบน้ำ ให้ตรวจทันที
ตรวจตอนหมาหลับ/งีบ เพราะน้องจะอยู่นิ่งกว่า
ข้อควรรู้: การตรวจสม่ำเสมอ คือวิธีที่ดีที่สุดในการลดโอกาสติดเชื้อจากเห็บ โดยไม่ต้องใช้ยาเยอะ
หลายคนเจอเห็บแล้วรีบดึงทันทีด้วยมือเปล่า หรือใช้คีมหนีบแรงๆ
ซึ่งจากคำแนะนำของ Merck Veterinary Manual
การดึงเห็บโดยไม่หมุนหรือใช้แรงผิดทิศ อาจทำให้ปากเห็บหลุดคาไว้ในผิวหนังของน้องหมา
ใช้แหนบดึงเห็บพิเศษหรือคีมคีบตรงโคนตัวเห็บ
หมุนเบาๆ พร้อมดึงออกตรงๆ
ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ
ฆ่าเห็บด้วยแอลกอฮอล์หรือใส่ในถุงซิปก่อนทิ้ง
เทคนิค: หากไม่มั่นใจว่าดึงออกหมด ให้พาน้องไปให้หมอเอาออกให้ดีกว่า!
โรคที่เห็บนำมาไม่ได้มีแค่ “เลือดออกหรือคัน”
แต่ยังรวมถึง โรคพยาธิเม็ดเลือด (Ehrlichiosis, Babesiosis) ที่สามารถทำให้หมาเสียชีวิตได้หากไม่รักษาเร็ว
จากข้อมูลของ The Veterinary Journal
การติดเชื้อพยาธิเม็ดเลือดในไทยสูงขึ้นในหมาที่ ไม่ได้ใช้ยา/ยาหยดป้องกันเห็บหมัดสม่ำเสมอ
ซึม เบื่ออาหาร
ตัวซีด
มีจ้ำเลือดใต้ผิว
ไข้สูงเรื้อรัง
เลือดออกผิดปกติจากเหงือก/จมูก
ข้อควรรู้: หากเจอเห็บ และหมามีอาการเหล่านี้ ต้องพาไปตรวจเลือดทันที อย่ารอให้เป็นเยอะ
การเช็กเห็บไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาด
แต่เป็น “การป้องกันโรค” ที่เจ้าของทุกคนควรทำให้ติดเป็นนิสัย
เพราะเห็บที่ไม่ทันสังเกตวันนี้ อาจนำโรคร้ายแรงมาพรุ่งนี้ก็ได้ครับ
ดูแลน้องง่ายๆ แค่วันละ 5 นาที ก็ช่วยให้น้องอยู่กับเราได้อย่างแข็งแรงยาวๆ ครับ!
#เช็กเห็บทุกวันลดโรคทุกปี #เห็บหมาไม่มาแน่ถ้าเรารู้ทัน #เห็บตัวเล็กแต่ปัญหาไม่เล็กเลย #Lazadogดูแลน้องหมาแบบครบวงจร #ตรวจเห็บก่อนเห็บตรวจเรา
อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ
by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com
Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com