เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ปอดอักเสบจากการสำลักในหมา” โรคเงียบที่มาพร้อมเสียงไอ

เคยได้ยินน้องหมาไอแบบเหมือนสำลักน้ำลาย ไอแรงจนหน้าเหี่ยว แล้วดูเหนื่อยๆ หอบๆ ตามหลังไหมครับ?

อย่าคิดว่าแค่น้องกินน้ำเร็ว หรือไอตามอารมณ์ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ โรคปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia) ซึ่งคือภาวะที่อาหาร น้ำ หรือของเหลวไหลย้อนเข้าสู่ทางเดินหายใจแล้วไป “ติดอยู่ในปอด” ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อรุนแรง

วันนี้ผมจะพาคุณมาเปิด “5 สถิติน่ารู้” ของโรคนี้ ที่เจ้าของหมาทุกคนควรรู้ไว้ เพราะถ้ารักษาช้า... อันตรายถึงชีวิตได้เลยครับ!

1. ปอดอักเสบจากการสำลัก “พบได้ใน 20% ของหมาที่มีปัญหาทางเดินอาหารหรือสมอง”

ข้อมูลจาก Veterinary Clinics of North America: Small Animal Practice ระบุว่า
หมาที่เคยมีอาการชัก กลืนลำบาก หรืออาเจียนบ่อยๆ มีความเสี่ยงสูงถึง 20% ที่จะเกิดภาวะสำลักจนติดเชื้อในปอด

กลุ่มเสี่ยงหลักๆ ได้แก่:

• หมาอายุน้อยที่ดูดนมเร็วหรือสำลักนม

• หมาที่เพิ่งผ่าตัดหรือวางยาสลบ

• หมาสูงวัยที่มีภาวะกลืนผิดปกติ (Dysphagia)

• หมาที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะกรดไหลย้อน หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ข้อควรรู้: ไม่ใช่แค่กินของแปลกเข้าไปถึงจะสำลักได้นะครับ แค่การอาเจียนธรรมดาก็พาของเหลวเข้าไปปอดได้แล้ว!

2. หมา “พันธุ์หน้าสั้น” มีโอกาสเกิดการสำลักและปอดอักเสบมากกว่าหมาทั่วไปถึง 3 เท่า

จากการศึกษาของ Journal of Veterinary Internal Medicine พบว่า
หมาพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic breeds) เช่น ปั๊ก เฟรนช์บูลด็อก บูลด็อก
มีโครงสร้างทางเดินหายใจที่แคบอยู่แล้ว เมื่อรวมกับการหายใจลำบาก จึงมีโอกาสสำลักสูงกว่าปกติ

พฤติกรรมที่อาจกระตุ้นการสำลัก:

• กินเร็ว กินแรง

• ชอบเล่นหลังอาหารทันที

• เคยมีประวัติอาเจียนจากกรดไหลย้อน

• นอนหัวต่ำหลังมื้ออาหาร

เทคนิค: ถ้าเลี้ยงหมาหน้าสั้น ให้ใช้ชามอาหารชะลอกิน และหลีกเลี่ยงการเล่นกระโดดหลังมื้ออาหารครับ

3. ปอดอักเสบจากการสำลัก “มีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย 25–30%” ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

แม้จะฟังดูแค่ “ไอ” หรือ “สำลัก” แต่ถ้าปล่อยให้เชื้อโรคลามในปอด
อาจนำไปสู่ภาวะหายใจล้มเหลว หรือภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia) ซึ่งอันตรายถึงชีวิตได้

จากสถิติใน Veterinary Emergency and Critical Care Society
พบว่า หมาที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงและมีภาวะไข้สูง มีอัตราการเสียชีวิตเกือบ 30%

อาการน่ากังวลที่ควรรีบพบสัตวแพทย์:

• ไอถี่ ไอมีเสมหะหรือฟอง

• หายใจหอบ เหนื่อยง่าย

• มีไข้สูง เบื่ออาหาร ซึม

• นอนนิ่ง ไม่ยอมเคลื่อนไหว

ข้อควรรู้: ยิ่งไปหาหมอเร็ว โอกาสรอดยิ่งสูง และอาจไม่ต้องใช้ยารุนแรงหรือแอดมิทครับ

4. การวินิจฉัย “ต้องใช้เอกซเรย์ทรวงอก” เพราะอาการไอทั่วไปแยกไม่ออกด้วยตาเปล่า

โรคนี้วินิจฉัยยากเพราะอาการคล้ายโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ เช่น หวัดในหมา หรือหลอดลมอักเสบ
การตรวจโดยใช้ฟังเสียงปอดหรือดูอาการอาจไม่พอ ต้องมีการเอกซเรย์ (Chest X-ray) เพื่อดูว่าเนื้อปอดอักเสบหรือติดเชื้อหรือไม่

ขั้นตอนการวินิจฉัยโดยทั่วไป:

• ตรวจร่างกายและอุณหภูมิ

• ฟังเสียงปอดด้วย Stethoscope

• ถ่าย X-ray ปอด 2 มุม

• ตรวจเลือดหาการติดเชื้อ

• อาจใช้หลอดดูดน้ำจากหลอดลมเพื่อตรวจเชื้อในรายรุนแรง

เคล็ดลับ: บอกสัตวแพทย์ให้ชัดว่าหมาเพิ่งกิน/อาเจียน หรือมีอาการสำลัก เพราะช่วยเร่งการวินิจฉัยได้ไวขึ้นมากครับ

5. ถ้ารักษาไว “หมามากกว่า 80% สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ภายใน 7–14 วัน”

ข่าวดีคือโรคนี้รักษาได้!
ถ้าเริ่มรักษาเร็ว โดยเฉพาะใน 48 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีอาการ หมาจะตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะและการพยุงระบบทางเดินหายใจได้ดีมาก

แนวทางการรักษาทั่วไป:

• ใช้ยาปฏิชีวนะครอบคลุมเชื้อแบคทีเรีย

• ให้น้ำเกลือและออกซิเจนถ้าหายใจติดขัด

• ป้อนอาหารอ่อนในปริมาณน้อยและท่าทางถูกต้อง

• กายภาพบำบัดปอด (Percussion) ช่วยให้น้ำมูกหลุด

เทคนิค: หลังหายแล้ว อย่าลืมปรับพฤติกรรมการให้อาหาร เช่น ยกชามสูงขึ้น ใช้จานป้องกันการกลืนเร็ว และควบคุมโรคกระเพาะหรือลำไส้ร่วมด้วยครับ

ปอดอักเสบจากการสำลักไม่ใช่เรื่องเล่น เพราะมันสามารถพรากน้องหมาไปได้เงียบๆ
โดยเฉพาะในกลุ่มหมาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หมาหน้าสั้น หมาที่ชอบกินเร็ว หรือมีปัญหาทางเดินอาหาร

แต่ถ้าเจ้าของรู้ทัน รีบสังเกตอาการ และพาไปหาหมอเร็ว โอกาสรอดสูงมาก และหมาก็สามารถกลับมาแข็งแรงได้เต็มร้อยครับ

#หมาไอหนักอย่ารอดูอาการ #ปอดอักเสบจากสำลักอันตรายกว่าที่คิด #หมาหน้าสั้นเสี่ยงสำลัก #ไอไม่ธรรมดาอาจเป็นโรคปอด #Lazadogเตือนภัยสุขภาพน้องหมา

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com