เปิด 5 สถิติน่ารู้ “หมาแพ้อะไรกันแน่?” ระหว่างแพ้อาหาร หรือแพ้อากาศเปลี่ยน?

หมาคุณเกาง่ามนิ้วเป็นประจำ?
บางช่วงขนร่วงเป็นหย่อม หรือคันไม่หยุดแบบไม่รู้สาเหตุ?
ลองเปลี่ยนอาหารก็แล้ว เปลี่ยนที่นอนก็แล้ว... ยังไม่หาย?

คุณอาจกำลังสับสนว่า น้องหมากำลังแพ้อะไรกันแน่ ระหว่าง “อาหาร” กับ “อากาศ”
วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับอาการแพ้ในน้องหมา พร้อมเทคนิคแยกให้ชัด ดูให้ออกว่าแบบไหนคือ Food Allergy แบบไหนคือ Seasonal Allergy และต้องดูแลยังไงให้หายคันแบบยั่งยืนครับ!

1. กว่า 60% ของหมาที่มีอาการคัน “เกิดจากการแพ้สิ่งแวดล้อม ไม่ใช่อาหาร”

จากการศึกษาโดย American College of Veterinary Dermatology (ACVD)
มากกว่า 60% ของหมาที่มีอาการคันเรื้อรังเกิดจาก “แพ้สารในอากาศ” หรือที่เรียกว่า Atopic Dermatitis เช่น แพ้เกสร หญ้า ไรฝุ่น หรือเชื้อราในอากาศ

สัญญาณว่าแพ้ฤดูกาล:

• คันมากช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว

• เกาหู ขาหน้า หรือเลียเท้าบ่อย

• ตาแดง มีน้ำตาไหล

• ขนร่วงเฉพาะจุด เช่น ง่ามนิ้ว รักแร้ หาง

ข้อควรรู้: อาการแพ้ฤดูกาลมักเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ แล้วหายเอง พอฤดูกาลเปลี่ยนก็อาจกลับมาใหม่

เทคนิค: สังเกตอาการคันที่ “มีวงจรตามฤดูกาล” ถ้าเป็นช่วงเดิมทุกปี ให้สงสัย “อากาศ” เป็นอันดับแรก

2. หมาที่แพ้อาหาร “มักมีอาการทางผิวหนังร่วมกับปัญหาระบบย่อย 30–50%”

จากข้อมูลของ Cornell University College of Veterinary Medicine
หมาที่แพ้อาหารมักมีอาการทางผิวหนัง ร่วมกับอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว หรืออาเจียนเรื้อรังประมาณ 30–50% โดยเฉพาะในหมาที่กินอาหารชนิดเดิมมานานหลายปี

สัญญาณว่าแพ้อาหาร:

• คันรอบปาก หู และท้อง

• ท้องเสียบ่อย อึไม่เป็นก้อน

• มีอาการหลังเปลี่ยนอาหารชนิดใหม่

• ถ้ากินอาหารสูตรเดิมมานานก็ยังสามารถเริ่มแพ้ได้

กลเม็ด: ทำ Food Elimination Trial โดยให้อาหารสูตรเดียวติดต่อกัน 8–12 สัปดาห์ (ไม่มีขนมแทรก) เพื่อดูว่าคันลดลงหรือไม่

3. หมาสายพันธุ์เล็ก “มีโอกาสแพ้สูงกว่าหมาพันธุ์ใหญ่ถึง 2 เท่า”

จากการศึกษาของ University of California, Davis
พบว่า สายพันธุ์อย่างชิสุ ปอมเมอเรเนียน ยอร์กเชียร์ เทอร์เรีย และพุดเดิ้ล มีแนวโน้มเกิดภาวะภูมิแพ้ผิวหนังมากกว่าสายพันธุ์ใหญ่กว่า 2 เท่า

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

• พันธุกรรมมีผลต่อความไวของผิวหนัง

• โครงสร้างขนละเอียด เก็บความชื้นได้ง่าย

• อยู่ในบ้านตลอด เจอสารก่อภูมิแพ้บ่อย

เทคนิค: ใช้แชมพูอ่อนพิเศษสำหรับผิวแพ้ง่าย และซักที่นอนน้องหมาทุกสัปดาห์ด้วยน้ำร้อน + ผงซักฟอกสูตรลดสารตกค้าง

4. หมาที่เลียเท้าบ่อย “มีแนวโน้มแพ้สิ่งแวดล้อมมากกว่าแพ้อาหารถึง 3 เท่า”

ข้อมูลจาก Pet Dermatology Center – UK ระบุว่า
อาการเลียเท้าเป็นอาการคลาสสิกของการแพ้สิ่งแวดล้อม เช่น ไรฝุ่น เชื้อรา หรือเกสรหญ้าที่ติดมากับอุ้งเท้า
โดยมีสัดส่วนสูงถึง 75% ที่ไม่เกี่ยวกับอาหารเลย

วิธีตรวจ:

• ล้างเท้าหลังพาหมาเดินนอกบ้านทุกครั้ง

• เป่าขาให้แห้งสนิท ลดความชื้น

• ถ้าคันเฉพาะอุ้งเท้า สันนิษฐานว่าแพ้ภายนอกได้เลย

กลเม็ด: ใช้ผ้าชุบน้ำเกลืออุ่นเช็ดเท้าเบาๆ และให้หมานอนในพื้นที่ที่ไม่มีพรม

5. หมาที่ได้ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด “มีโอกาสรักษาหายขาดหรือควบคุมได้ถึง 90%”

จากข้อมูลของ WALTHAM Petcare Science
พบว่า หมาที่ได้รับการตรวจภูมิแพ้แบบละเอียด เช่น การทดสอบผิวหนัง (Intradermal test) หรือเจาะเลือดตรวจ IgE มีโอกาสรักษาอาการคันเรื้อรังให้ควบคุมได้ถึง 90%

แนวทางการดูแลแบบมืออาชีพ:

• ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

• ใช้อาหารสูตรพิเศษ หรือสูตร Hypoallergenic

• อาบน้ำด้วยแชมพูเฉพาะ (สูตร Chlorhexidine หรือ Oatmeal)

• ให้ยาแก้แพ้เฉพาะตัว หรือเสริม Omega-3

• ใช้ยาทาสเตียรอยด์เฉพาะจุด (ตามคำแนะนำหมอ)

ข้อควรรู้: การวินิจฉัยเร็ว ช่วยลดการใช้ยาระยะยาวและลดผลข้างเคียงในระยะยาว

หมาคัน... ไม่ได้แปลว่า “แค่คัน”
บางทีมันคือสัญญาณจากร่างกายที่กำลังบอกเราว่า “มีบางอย่างกำลังระคายเคืองอยู่”
การแยกให้ออกว่าแพ้อาหารหรือแพ้อากาศคือก้าวแรกของการดูแลอย่างเข้าใจ เพราะถ้าเข้าใจผิดตั้งแต่ต้น หมาจะคันต่อเนื่อง และเราก็จะเสียเงินกับการเดาไปเรื่อยครับ

#หมาคันไม่ใช่เรื่องเล็ก #แยกให้ออกแพ้อาหารหรืออากาศ #หมาคันเก่งเจ้าของต้องสังเกตเก่งกว่า #ดูแลหมาแพ้ง่ายแบบมืออาชีพ #Lazadogห่วงใยน้องหมาทุกความคัน

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com