เปิด 5 สถิติน่ารู้ “กระเพาะปัสสาวะโป่งในหมา” โรคเงียบที่ทำให้หมาฉี่บ่อย

ถ้าคุณเคยสงสัยว่าทำไมน้องหมาในบ้าน “ฉี่เก่งผิดปกติ”
หรือเพิ่งพาไปหาหมาติดเชื้อทางเดินปัสสาวะมาไม่ทันไร ก็กลับมาอักเสบอีก
บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่เพราะดื้อ ไม่ใช่เพราะอั้นฉี่นาน…
แต่อาจมี “ถุงโป่งเล็กๆ ที่ปลายกระเพาะปัสสาวะ” ที่เรียกว่า Vesicourachal Diverticulum ซ่อนอยู่ครับ

วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้เกี่ยวกับภาวะนี้ในน้องหมา พร้อมเทคนิคการสังเกต ป้องกัน และทางเลือกในการดูแลแบบเข้าใจง่ายครับ

1. 1 ใน 20 ของน้องหมาทั่วไป “มีโอกาสเกิด Vesicourachal Diverticulum โดยไม่แสดงอาการ”

จากงานวิจัยของ Journal of Veterinary Internal Medicine
ภาวะนี้เกิดจากการที่ท่อยูเรคัส (urachus) ซึ่งควรจะปิดสนิทหลังคลอด กลับ เหลือช่องบางส่วนที่ปลายกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการพองเป็นถุงเล็กๆ

แม้น้องหมาจะดูสุขภาพดี แต่ถุงนี้ก็เป็นจุดอับที่ สะสมแบคทีเรีย ปัสสาวะตกค้าง และหินปูนทางเดินปัสสาวะได้

อาการที่พบบ่อย:

• ฉี่บ่อยแต่ปริมาณน้อย

• ฉี่หยดๆ หลังฉี่เสร็จ

• ติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะซ้ำ

• ฉี่มีกลิ่นแรง หรือมีเลือดปน

ข้อควรรู้: บางรายพบโดยบังเอิญระหว่างอัลตราซาวด์ท้องจากโรคอื่น — แต่กลายเป็นปัญหาหลักในระยะยาว

2. มากกว่า 70% ของหมาที่มีภาวะนี้ “มีแนวโน้มติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำใน 1 ปี”

จากข้อมูลของ Veterinary Clinics of North America
เจ้าของมักไม่สังเกตว่าการติดเชื้อซ้ำซากเป็นผลมาจากโครงสร้างผิดปกตินี้
เพราะน้องอาจตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะดีในช่วงแรก แล้วกลับมาเป็นใหม่หลังจากหยุดยา

กลเม็ดที่ควรทำ:

• ตรวจปัสสาวะและเพาะเชื้ออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

• หากเคยมีประวัติติดเชื้อ 2 ครั้งใน 6 เดือน ควรอัลตราซาวด์หาถุงยูเรคัส

• ดูแลน้ำดื่มสะอาด กระตุ้นให้หมาดื่มน้ำเยอะๆ

เทคนิค: เติมน้ำซุปหรือน้ำปลาแบบเจือจางลงในชามน้ำ ช่วยให้น้องดื่มน้ำมากขึ้นครับ

3. การวินิจฉัยด้วยอัลตราซาวด์ช่องท้อง “สามารถเห็นความผิดปกติได้ในระดับความยาว 3–5 มม.”

แม้ถุงจะมีขนาดเล็ก แต่ ตำแหน่งการเกิดและรูปร่างเฉพาะของ AV diverticulum
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยอัลตราซาวด์ที่ทำโดยสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ

ตรวจเสริมที่อาจใช้:

• ตรวจปัสสาวะ (UA)

• การฉีดสีดูทางเดินปัสสาวะ (Cystography)

• ตรวจค่าการทำงานของไต (BUN, Creatinine) ร่วมด้วย

ข้อควรรู้: ถ้าหมามีภาวะนี้ร่วมกับนิ่วหรือกรวดปัสสาวะ — ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า และต้องวางแผนรักษาเฉพาะทาง

4. 80% ของหมาที่ผ่าตัดเอาถุงนี้ออก “มีอาการดีขึ้นชัดเจนใน 1–3 เดือน”

ในกรณีที่ถุงใหญ่มากหรือมีการติดเชื้อซ้ำบ่อย
การรักษาโดยการผ่าตัด “ปิดรูยูเรคัสและตัดถุง diverticulum” ออก
สามารถลดการติดเชื้อและทำให้หมาฉี่ได้ปกติอีกครั้ง

หลังผ่าตัดควรรู้อะไรบ้าง:

• ใส่สายสวนปัสสาวะประมาณ 2–5 วัน

• พักฟื้นที่บ้าน 1–2 สัปดาห์

• ให้อาหารอ่อน ดื่มน้ำมาก

• งดกระโดดหรือกิจกรรมหนัก

เทคนิค: ตรวจซ้ำอีกครั้งหลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือน เพื่อเช็กว่าไม่มีการเกิด diverticulum ใหม่หรือแผลติดเชื้อ

5. หมาพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาวา ยอร์คเชียร์ ปอม “เสี่ยงมากกว่าพันธุ์ใหญ่เกือบ 3 เท่า”

จากรายงานของ American Journal of Veterinary Research
พบว่าหมาพันธุ์เล็กมีโอกาสที่ท่อยูเรคัสจะไม่ปิดสมบูรณ์หลังคลอดมากกว่า
และยังมีพื้นที่ในอุ้งเชิงกรานน้อย ทำให้ภาวะนี้ส่งผลต่อการขับถ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น

ข้อแนะนำสำหรับหมาพันธุ์เล็ก:

• ฝึกให้น้องกินอาหารเปียกเสริม

• หมั่นสังเกตการฉี่ทุกครั้ง

• หากมีกลิ่นฉี่แรงควรเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจ

• ตรวจสุขภาพทางเดินปัสสาวะปีละครั้ง

ข้อควรรู้: โรคนี้มักเข้าใจผิดว่าเป็นพฤติกรรม — ทั้งที่จริงอาจเป็น “โครงสร้างผิดตั้งแต่กำเนิด”

อย่ามองข้ามเรื่องฉี่เล็กๆ น้อยๆ ของน้องหมานะครับ
เพราะบางทีพฤติกรรมที่ดู “แปลกเล็กน้อย” อาจเป็นผลมาจาก “โครงสร้างที่ผิดปกติ” ตั้งแต่เกิด
การรู้จักภาวะ Vesicourachal Diverticulum และเฝ้าสังเกตอย่างเข้าใจ
คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้น้องหมามีสุขภาพปัสสาวะที่แข็งแรง ฉี่ไหลดี ไม่มีสะดุดแน่นอนครับ!

#ฉี่หมาบอกโรคได้ #กระเพาะปัสสาวะหมาอย่ามองข้าม #หมาฉี่บ่อยไม่ใช่เรื่องเล่น #สุขภาพฉี่ดีชีวิตหมาก็ดี #Lazadogใส่ใจสุขภาพทุกสายของน้องหมา

อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com