เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ฝีในน้องหมา” ก้อนตุ่มที่ดูเหมือนสิวแต่จริงๆ อาจติดเชื้อจนลุกลาม (อัปเดท 2025)

Apr 17, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ฝีในน้องหมา” ก้อนตุ่มที่ดูเหมือนสิวแต่จริงๆ อาจติดเชื้อจนลุกลาม (อัปเดท 2025)

เปิด 5 สถิติน่ารู้ “ฝีในน้องหมา” ก้อนตุ่มที่ดูเหมือนสิวแต่จริงๆ อาจติดเชื้อจนลุกลาม

เคยจับน้องหมาแล้วเจอ "ก้อนนิ่มๆ" ที่อยู่ใต้ผิวหนังไหมครับ?
บางก้อนน้องเจ็บ บางก้อนไม่เจ็บ แต่ดันมีน้ำเหลืองไหลออกมา
หรือบางครั้งก็มี "ตุ่มนูนแดง ร้อน" ที่โตขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่กี่วัน — ใช่ครับ นั่นอาจเป็น “ฝี” หรือ Abscess
ซึ่งเป็นการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อใต้ผิวหนัง อาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ถ้าปล่อยไว้อาจลุกลามถึงกระดูก หรือเป็นพิษในกระแสเลือดได้เลยครับ!

วันนี้ผมจะพาคุณมา เปิด 5 สถิติน่ารู้ของฝีในน้องหมา (Abscessation) พร้อมเคล็ดลับการสังเกต ป้องกัน และการรักษาแบบมืออาชีพที่เจ้าของหมาทุกคนควรรู้ครับ


1. มากกว่า 80% ของฝีในน้องหมา “เกิดจากการกัดกันระหว่างสัตว์”

จากรายงานของ Cornell University College of Veterinary Medicine
พบว่า ฝีในหมากว่า 80% เกิดจากการที่น้องโดนกัดหรือข่วนจากสัตว์อื่น โดยเฉพาะถ้าเล่นกันแรง หรือออกไปลุยนอกบ้าน

จุดเสี่ยง:

  • หลังคอ

  • สะโพก

  • โคนหาง

  • รอบๆ ก้น

ข้อควรรู้: รอยกัดอาจจะดูเล็ก แต่แผลใต้ผิวลึกมาก และเชื้อจะเริ่มบูมแบบเงียบๆ ภายใน 2–3 วันหลังโดนกัด


2. ฝีที่แตกเองโดยไม่รักษา “มีโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อนเพิ่มถึง 60%”

จากงานวิจัยของ Journal of Small Animal Practice (UK)
ฝีที่ปล่อยให้แตกเองโดยไม่ล้างให้สะอาดหรือไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ
จะทำให้เชื้อยังหลงเหลืออยู่ในชั้นผิวหนังลึกๆ และกลายเป็นฝีเรื้อรัง หรือฝีกลับซ้ำ

สัญญาณที่ควรรีบพาไปหาหมอ:

  • มีกลิ่นเหม็นจากแผล

  • แผลซึมหนองเหลืองข้น

  • ผิวรอบแผลแดง ขยายวงกว้าง

  • น้องเริ่มซึม กินน้อย หรือมีไข้

กลเม็ด: ถ้าเห็นแผลใกล้จุดสำคัญ เช่น ตา ปาก หรือข้อขา — ห้ามบีบฝีเองเด็ดขาด ต้องให้หมอจัดการ


3. ฝีในหมา “สามารถใหญ่ได้ถึง 5–10 ซม.” ภายใน 48 ชั่วโมง

บางคนคิดว่าก้อนเล็กๆ จะไม่โต… แต่ผิดครับ!
จากรายงานของ Veterinary Dermatology Journal
ฝีที่ติดเชื้อแบบเฉียบพลันอาจโตเร็วมาก และอาจทำให้ผิวหนังด้านบนแตกออกเป็นแผลลึกในเวลาไม่ถึง 2 วัน

หมาพันธุ์เสี่ยง:

  • พันธุ์หน้าสั้น ขนหนา (เช่น ชิสุ, ปั๊ก, ปอม) มักซ่อนฝีใต้ขน

  • หมาพันธุ์ล่า หรือหมานอกบ้าน ที่มีการกัดกันหรือโดนข่วนบ่อย

เทคนิค: ใช้มือลูบตัวน้องหมาเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณขนหนา ถ้าจับแล้วรู้สึกมี “ตุ่มนิ่มร้อน” ให้จดไว้แล้วสังเกตต่อ 24–48 ชั่วโมงครับ


4. การรักษาฝีที่มีประสิทธิภาพ “ต้องควบคู่ทั้งการผ่าระบายหนอง + ให้ยาปฏิชีวนะ”

การเจาะฝีให้หนองไหลออกเพียงอย่างเดียวไม่พอครับ
เพราะเชื้อยังอยู่ในชั้นลึกของผิวและเนื้อเยื่อ
สัตวแพทย์มักใช้ยาปฏิชีวนะชนิดเฉพาะทางร่วมด้วย และอาจต้องวางยาหรือใช้ยาชาสำหรับกรณีที่น้องไม่ให้จับ

ขั้นตอนการรักษาโดยทั่วไป:

  • ตรวจแผล และประเมินว่าฝีแตกหรือไม่

  • ผ่าระบายหนอง + ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือคลอเฮกซิดีน

  • ใส่ยาฆ่าเชื้อ + ปิดแผล

  • ให้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่อง 7–14 วัน

  • ตรวจซ้ำหากไม่ดีขึ้นใน 5 วัน

ข้อควรรู้: หากน้องแพ้ยาหรือแผลไม่แห้งสนิท อาจต้องเพาะเชื้อดูความต้านทานยาด้วยครับ


5. 1 ใน 4 ของหมาที่มีฝี “เป็นฝีซ้ำในจุดเดิม” เพราะเจ้าของล้างแผลไม่หมด

จากการศึกษาของ British Small Animal Veterinary Association (BSAVA)
พบว่าน้องหมาที่เป็นฝีบริเวณเดิมๆ ซ้ำๆ มักมาจาก เชื้อหลงเหลือในโพรงฝี หรือเกิดจากการที่ผิวหนังไม่ปิดสนิทหลังแตก

คำแนะนำหลังฝีแตก:

  • ล้างแผลวันละ 1–2 ครั้ง ด้วยน้ำเกลือสะอาด

  • ตัดขนรอบแผลเพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกสะสม

  • งดอาบน้ำ 5–7 วัน

  • ป้องกันน้องเลียแผลด้วยปลอกคอกันเลีย

เทคนิค: ถ้าหมากินยาไม่ง่าย แนะนำขอยาแบบเคี้ยวหรือผสมอาหารจากคุณหมอครับ สะดวกกว่าเยอะ


“ฝีในหมา” ไม่ใช่เรื่องเล็กครับ
มันคือก้อนติดเชื้อที่สามารถลุกลามได้เร็วและลึกกว่าที่เราคิด
การรู้จักสังเกตไว รักษาให้ถูก และดูแลหลังแผลแตกให้สะอาด คือสิ่งที่จะช่วยให้น้องหมาหายเร็ว ไม่กลับมาเป็นซ้ำ และไม่ต้องเจ็บซ้ำซ้อนครับ!


#ฝีในหมาอย่ารอให้แตกเอง #หมาโดนกัดระวังเป็นฝี #หมาฝีบวมต้องล้างดี #Lazadogดูแลทุกแผลของน้องหมา #เจ้าของหมาต้องจับตุ่มให้ทัน


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com


Doglala - Social for Pet Lovers

Doglala – Social for Pet Lovers doglala.com

Recent Posts