รู้ 5 เรื่องสำคัญ ก่อนเลือกอาหารให้น้องหมาแพ้ง่าย – กินยังไงไม่คัน ไม่อักเสบ ปลอดภัยทุกคำ (อัปเดท 2025)

Apr 11, 2025
การรับเลี้ยงและการดูแล
รู้ 5 เรื่องสำคัญ ก่อนเลือกอาหารให้น้องหมาแพ้ง่าย – กินยังไงไม่คัน ไม่อักเสบ ปลอดภัยทุกคำ (อัปเดท 2025)

รู้ 5 เรื่องสำคัญ ก่อนเลือกอาหารให้น้องหมาแพ้ง่าย – กินยังไงไม่คัน ไม่อักเสบ ปลอดภัยทุกคำ

สุนัขหลายตัวมีอาการแพ้อาหารโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
บางครั้งแค่กินไก่ กินแป้ง หรืออาหารสำเร็จรูปบางชนิด ก็ทำให้น้องคันทั้งตัว เกาหนัก ขนร่วง หรือท้องเสียเรื้อรัง

หากคุณเริ่มสังเกตเห็นว่าน้องหมาของคุณมีปัญหาสุขภาพผิวหรือทางเดินอาหารบ่อยๆ
บทความนี้จะช่วยคุณเข้าใจว่า “อาหารแบบไหน” เหมาะกับน้องหมาที่มีปัญหาแพ้ง่าย
พร้อมเทคนิคการเลือกอาหารที่ปลอดภัย อร่อย และดีต่อสุขภาพระยะยาว


1. สุนัขแพ้อาหารมีจริง – และมากกว่าที่คิด

หลายคนยังไม่รู้ว่าอาการ “คัน-เกา-ขนร่วง-ท้องเสียเรื้อรัง” อาจเกิดจากการแพ้อาหาร
จากรายงานของ American Kennel Club (AKC) พบว่า
ประมาณ 10% ของอาการแพ้ในสุนัข เกิดจากการแพ้อาหารโดยตรง

อาการทั่วไปของสุนัขแพ้อาหาร:

  • คันตามตัว ใบหู หรือท้อง

  • เกาจนผิวหนังอักเสบ

  • อุจจาระเหลว หรือท้องเสียเรื้อรัง

  • อาเจียนหลังอาหาร

  • ขนร่วงเป็นหย่อมๆ

Tip: ถ้าน้องมีอาการเหล่านี้เรื้อรังควรเริ่มตรวจสอบจากอาหารเป็นอันดับแรก


2. สารก่อแพ้ในอาหารหมาที่พบบ่อย

อาหารหมาแม้จะดูดีจากแพ็คเกจ แต่หลายสูตรมีส่วนผสมที่ทำให้สุนัขบางตัวแพ้ได้
โดยเฉพาะวัตถุดิบที่ผ่านการแปรรูป หรือโปรตีนที่ร่างกายน้องบางตัวย่อยยาก

สารก่อแพ้ยอดฮิต:

  • โปรตีนจากไก่, เนื้อวัว, หรือปลา (โดยเฉพาะสูตรราคาถูก)

  • ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, กลูเตน, ข้าวสาลี – พบบ่อยในอาหารเกรดกลาง-ล่าง

  • สารปรุงแต่งกลิ่นและรส ที่มักใช้ในอาหารสำเร็จรูปราคาถูก

  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม – บางตัวไม่มีเอนไซม์ย่อยแลคโตส

Fact: อาหารเกรด Super Premium มักไม่มีวัตถุดิบกลุ่มนี้เลย


3. อาหารสูตรพิเศษสำหรับสุนัขแพ้ง่ายคือทางออกที่ปลอดภัย

อาหารสำหรับสุนัขแพ้ง่ายจะมีส่วนผสมเฉพาะ ที่ย่อยง่ายและลดโอกาสเกิดอาการแพ้
บางสูตรเป็น “Hypoallergenic” หรือ “Limited Ingredient” ที่มีโปรตีนน้อยชนิด และตัดกลูเตนออกทั้งหมด

ประเภทอาหารที่แนะนำ:

  • โปรตีนใหม่ (Novel Protein) เช่น เนื้อเป็ด เนื้อกวาง เนื้อแกะ

  • ไฮโดรไลซ์โปรตีน (Hydrolyzed Protein) – โปรตีนที่ย่อยแล้วให้เล็กลงเพื่อลดการกระตุ้นภูมิแพ้

  • อาหาร Grain-Free – ไม่มีธัญพืชที่เป็นตัวกระตุ้นการแพ้

  • สูตร Limited Ingredient – มีส่วนผสมน้อยแต่เน้นคุณภาพสูง

แนะนำ: ให้เลือกอาหารที่ผ่านการรับรองจากสัตวแพทย์ หรือมีคำว่า “Vet Recommended” บนฉลาก


4. การเปลี่ยนอาหารต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แม้อาหารใหม่จะดีแค่ไหน ก็ไม่ควรเปลี่ยนกะทันหัน
การเปลี่ยนอาหารเร็วเกินไปอาจทำให้ลำไส้น้องรับไม่ทัน เกิดอาการถ่ายเหลวหรืออาเจียน

วิธีเปลี่ยนอาหารอย่างถูกต้อง:

  • วันที่ 1–3: ผสมอาหารใหม่ 25% กับของเดิม 75%

  • วันที่ 4–6: อาหารใหม่ 50%

  • วันที่ 7–9: เพิ่มเป็น 75%

  • วันที่ 10 เป็นต้นไป: ให้อาหารใหม่เต็ม 100%

Tip: ควรจดบันทึกอาการของน้องในแต่ละวันเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลง


5. ปรึกษาสัตวแพทย์เสมอ หากน้องมีอาการแพ้ชัดเจน

อาหารแม้จะมีผลมาก แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น พันธุกรรม, สภาพแวดล้อม หรือโรคผิวหนัง
ถ้าน้องมีอาการแพ้เรื้อรัง อย่ารีบสรุปเองว่าเกิดจากอาหารเพียงอย่างเดียว
การตรวจโดยสัตวแพทย์จะช่วยวินิจฉัยและเลือกแนวทางรักษาที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น

แนวทางที่สัตวแพทย์อาจใช้:

  • ตรวจเลือด หรือการทดสอบภูมิแพ้เฉพาะ

  • สั่งอาหารสูตรพิเศษหรืออาหารรักษาเฉพาะโรค

  • ให้ยาลดอาการคัน/อักเสบระยะสั้นเพื่อช่วยระหว่างเปลี่ยนอาหาร


การเลือกอาหารให้น้องหมาแพ้ง่าย ไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติหรือราคา
แต่ต้องใส่ใจในส่วนผสม และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
เลือกอาหารสูตรเฉพาะที่ย่อยง่าย และตัดสารก่อแพ้ ช่วยให้สุขภาพน้องดีขึ้นได้จริงในระยะยาว
และอย่าลืมปรึกษาสัตวแพทย์หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 สัปดาห์ครับ


#อาหารหมาแพ้ง่าย #หมาแพ้อาหาร #ดูแลหมามีผื่นคัน #หมาท้องเสียกินอะไรดี #LazadogCareTips


อยากรู้วิธีดูแลน้องหมา&แมวให้มีความสุขในทุกวัน?
ติดตามบทความน่ารักๆ แบบนี้ได้ที่ Lazadog.com/blog
หรือแชร์ประสบการณ์กับเราได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ

by Prasobsook Saisud – Founder Lazadog.com

Recent Posts